รอง ผบ.ตร.เผย ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหาหนัก “สมรักษ์” ส่วนน้องชายโดนด้วย 2 ข้อหา หลังพบเป็นคนขับ จยย.พาไปโรงแรม แนะควรให้การรับสารภาพ โทษหนักจะได้เป็นเบา ชี้ พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์บ่งชี้ว่ามีเหตุเกิดขึ้นจริง ย้ำ กฎหมายมุ่งคุ้มครองเด็ก จะอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นเด็กไม่ได้
วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้า นายสมรักษ์ คำสิงห์ หลังเด็กสาววัย 17 ปี แจ้งความกล่าวหาว่า ถูกนายสมรักษ์ล่วงละเมิดทางเพศ หลังจากไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า เมื่อคืนวานนี้ นายสมรักษ์ ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ตามหมายเรียกใน 4 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ข้อหาร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปเสียจากบิดามารดา หรือผู้ปกครองตาม, ข้อหาร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปีแต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปเพื่อการอนาจาร, ข้อหากระทำอนาจารแก่คนอายุเกิน 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย และ ข้อหาพยายามข่มขืนผู้อื่นใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งนายสมรักษ์ยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนตัวมองว่า นายสมรักษ์ ควรให้การรับสารภาพ เพราะอาจเป็นเหตุบรรเทาโทษ จากหนักเป็นเบาได้ เนื่องจากนายสมรักษ์เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและเคยทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ประกอบกับข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษสูง อีกทั้งพยานหลักฐานควรให้การรับสารภาพ ทั้งกล้องวงจรปิด และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น สารคัดหลั่งต่างๆ ที่บ่งชี้ชัดเจนว่า เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง พบดีเอ็นเอของเด็กบนตัวนายสมรักษ์ และดีเอ็นเอของนายสมรักษ์บนตัวเด็ก ขณะเดียวกัน เด็กยังยืนยันว่า ถูกล่วงละเมิดทางเพศจริง ทั้งที่ตนได้ขัดขืนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบคัดหลั่งจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะใช้ประกอบพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ส่วนกรณีที่โซเชียลมีเดียมีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่า เด็กอายุ 17 ปี มีเจตนาหรือมีการวางแผนมาก่อนหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ต้องชี้แจงว่า กฎหมายคุ้มครองเด็กทั่วโลกนั้นเหมือนกัน คือ ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ แต่การกระทำของผู้ใหญ่ถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดทั้งหมด และมองว่า นายสมรักษ์ ควรรู้เรื่องนี้ เพราะนายสมรักษ์ เองก็มีบุตรสาวเช่นกัน จะอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นเด็กไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องปฏิบัติไปตามหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นระบบกล่าวหา นายสมรักษ์ จึงยังมีสิทธิต่อสู้ข้อกล่าวหาได้ แต่ย้ำว่า นายสมรักษ์ ควรรับสารภาพเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่เหมาะสม
สำหรับน้องชายของนายสมรักษ์ ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาใน 2 ฐานความผิดนั้น เนื่องจากพบว่า มีการร่วมกันพาและพรากผู้เยาว์ โดยเป็นผู้ขับจักรยานยนต์พานายสมรักษ์ และเด็กอายุ 17 ไปยังโรงแรม ทั้งยังเป็นคนส่งสัญญาณให้เด็กอายุ 17 เดินตามนายสมรักษ์เข้าโรงแรมไปทั้งที่ไม่ใช่ที่พักของเด็ก
ส่วนสถานบันเทิงดังกล่าว ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้วว่าร้านดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิดหรือไม่ และให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ประสานไปยังฝ่ายปกครองหรือผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว