MGR Online - “สายไหมต้องรอด” พา PR สาว ขอคุ้มครองพยาน กระทรวงยุติธรรม เกรงได้รับอันตราย มีกลุ่มชายขับรถวนแถวที่พัก ยันเดินหน้าเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
วันนี้ (13 ธ.ค.) เวลา 15.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พา PR สาวผู้เสียหาย พร้อมสามี กรณีถูกตำรวจสืบสวน จ.ปทุมธานี 7 นาย รีดเงิน 330,000 บาท และข่มขืนแลกช่วยเหลือคดียาเสพติด เข้ายื่นคำร้องขอรับการคุ้มครองพยานจากกระทรวงยุติธรรม หลังจากเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ แล้วมีชายแปลกหน้าขับรถวนเวียนมาแถวที่พัก ทำให้กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย โดยมี น.ส.จิฬาภรณ์ ตามชู กฤษณสุวรรณ์ ผอ.สำนักงานช่วยเหลือทางการเงิน แก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา และ นายปริญญ์วัฒน์ เปี่ยมปิ่นวงศ์ ผอ.ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้แทนรับเรื่อง
นายเอกภพ เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อนของผู้เสียหายโทรศัพท์มาหา PR สาวว่ามีกลุ่มบุคคลประมาณ 3-4 คน ขับรถมาวนเวียนบริเวณแถวที่พักของผู้เสียหาย จนเป็นที่ผิดสังเกตุและเกรงไม่ปลอดภัยจึงร้องขอความช่วยเหลือคุ้มครองพยาน ส่วนตำรวจที่ร่วมขบวนการทั้งหมด 7 นาย มีเพียงแค่คำสั่งย้ายไปช่วยราชการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานีเท่านั้น จึงมองว่าผู้เสียหายยังไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร และกลัวว่าจะปลอดภัยเพราะทั้งหมดยังอยู่ในพื้นที่ของ จ.ปทุมธานี
นายเอกภพ เผยอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่าตำรวจชุดที่ถูกกล่าวหายังได้เรียกรับเงินกับผู้ต้องหาอีกรายในคดียาเสพติด จำนวน 16,000 บาท คืนวันเดียวกันกับที่สาว PR ถูกจับกุม สำหรับความคืบหน้าทางคดีตำรวจเตรียมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 1 คน ที่เป็นคนพาผู้เสียหายไปกดเงินและพาไปล่วงละเมิดทางเพศ
ด้าน น.ส.จิฬาภรณ์ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม ได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น คือ เยียวยาตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ ในคดีอาญา จำนวน 50,000 บาท , คุ้มครองพยานในกรณีถูกข่มขู่คุกคาม โดยส่งเจ้าหน้าที่ส่วนกลางที่ไม่ใช่ตำรวจคอยดูแลความปลอดภัย , เรียกค่าสินไหมทดแทน พร้อมกับการดำเนินคดี และ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ ”พ.ร.บ. อุ้มหาย“ ถ้ามีพฤติการณ์ข่มขู่ ถูกย่ำยีศักดิ์ศรี โดยจะประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดและกรมคุ้มครองสิทธิฯ ติดตามเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ
ส่วนทาง หญิงสาวผู้เสียหาย เล่าว่า ขณะนี้ตนและสามีกลัวเรื่องความปลอดภัย ยังไม่กล้ากลับไปอาศัยที่พัก และยังอยู่กับทีมงานสายไหมต้องรอด ในส่วนคดีอยากให้เจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความผิดเข้ามอบตัว เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะได้มั่นใจและกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติ เพราะภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทั้งชุดถูกสั่งย้าย ตนยังไม่รู้ว่าพวกเขาถูกย้ายไปที่ไหน
มีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า 1 ในกลุ่มผู้ก่อเหตุ ที่พาผู้เสียหายไปกดเงินและตระเวนกดเงินและล่วงละเมิดทางเพศ เป็นบุคคลธรรมดาที่แอบอ้างว่าเป็นตำรวจ เข้ามาร่วมก่อเหตุ ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเตรียมขอศาลออกหมายจับ ส่วนรายชื่อตำรวจทั้ง 7 นาย พบว่ามี 1 นายไม่ได้อยู่ในขั้นตอนการจับกุม แต่มีชื่อปรากฏในบันทึกการจับกุมผู้ต้องหา ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้มีคำสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด