สองหนุ่มนครสวรรค์ มอบตัวกองปราบรับเป็นมือปืนยิงอริสาหัสตัวจริง วอนปล่อยเพื่อนที่ถูกขังในเรือนจำ ด้านตำรวจขอลงพื้นที่ตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง
วันนี้ ( 13 ธ.ค. ) ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธมนันท์ แตงทิม หรือ “จ่าคิงส์ สะพานใหม่" พา นายนที เบ้าทอง อายุ 24 ปี และ นายเชาวลิต สุขลักษณ์ อายุ 20 ปี เข้าพบ พ.ต.ท.เอนก บุญตา รอง ผกก.4 บก.ป. เพื่อขอรับโทษในคดี ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิง นายสิทธิชัย อ่อนลา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ พร้อมกันนี้ยังถือโอกาสเข้าให้ข้อมูลชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ปล่อยตัว นายณัฐพล วงษ์แสงน้อย อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกคุมตัวดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ โดยอ้างว่า นายณัฐพล ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
นายนที กล่าวว่า เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา ตนและนายเชาวลิต ได้ขี่รถจักรยานยนต์ใช้อาวุธปืนตามประกบยิง นายสิทธิชัย คู่อริ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเพราะเคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน จากนั้นจึงแยกย้ายกันหลบหนี กระทั่งต่อมาได้ทราบข่าวว่าตำรวจ สภ.ชุมแสง ได้ดำเนินคดีกับ นายณัฐพล ในข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่า,และร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง” ทั้งๆ ที่นายณัฐพล นั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ซึ่งปัจจุบันถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำ จึงทำให้ตนและกลุ่มเพื่อนๆที่เป็นผู้ก่อเหตุตัวจริงนั้น รู้สึกผิดต่อนายณัฐพล ที่ต้องมารับเคราะห์กรรมแทนทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
“ยอมรับว่า นายณัฐพล นั้นเคยมีเรื่องทะเลาะกับผู้บาดเจ็บจริง แต่ยืนยันว่าในวันเกิดเหตุนั้น นายณัฐพล ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และผู้ที่เป็นคนใช้อาวุธปืนยิงผู้บาดเจ็บนั้นก็คือนายเชาวลิต ส่วนตนทำหน้าที่เป็นคนขับ ก่อนหน้านี้เคยเข้ามอบตัวกับทางตำรวจ สภ.ชุมแสง แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ วันนี้ตนและนายเชาวลิต จึงตัดสินใจมาเข้ามอบตัวกับตำรวจกองปราบเพื่อรับโทษทัณฑ์ในสิ่งที่ก่อขึ้น และ ถือโอกาสเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนายณัฐพล ได้รับการปล่อยตัวออกมาอีกด้วย” นายนที กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.เอนก กล่าวว่า ในวันนี้ทางตำรวจกองปราบยังไม่สามารถรับมอบตัวหรือดำเนินคดีกับนายนที และ นายเชาวลิต ได้ เพราะต้องพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อน เบื้องต้นจึงทำการแยกสอบปากคำทั้งสองอย่างละเอียด ก่อนประสานข้อมูลร่วมกับตำรวจ สถ.ชุมแสง ซึ่งหลังจากนี้จะมีการนำกำลังลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้กระจ่างชัดเพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย