รอง ผบ.ตร.สั่ง ผบช.ภ.2 สอบวินัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา รอง ผกก.(สอบสวน) และหัวหน้าพนักงานสอบสวน กรณีบกพร่องทำคดีคดีชาวเยอรมันซื้อบริการเด็ก
วันนี้ (6 ธ.ค.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยตวามคืบหน้าการตรวจสอบคดีค้าประเวณีเมืองพัทยาที่มีการปล่อยให้ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวจนเป็นที่มาของสารคดีแฉกรณีค้ามนุษย์ในประเทศไทยที่ถูกเผยแพร่ในเยอรมันว่า การตรวจสอบกรณีดังกล่าว ต้องมีการแยกการสอบสวนเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 คือเรื่องของความบกพร่องทางวินัย เนื่องจากพบว่า ตอนที่จับกุมผู้ต้องหาชาวเยอรมันและชาวอเมริกันในคดีนี้ ตำรวจไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายถึงการจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติ ต้องแจ้งกองการต่างประเทศให้ทราบ เพื่อแจ้งไปยังสถานทูตของประเทศนั้นๆ ว่ามีพลเมืองได้กระทำผิดในราชอาณาจักร และไม่ได้แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้เพิกถอนวีซ่าผู้ต้องหาเผื่อกรณีที่ผู้ต้องหาได้ประกันตัวตม. ก็จะอายัดตัวมากักที่ห้องกักของ ตม.ได้ เพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ และ ตม. จะนำตัวผู้ต้องหาไปศาลตามนัด เมื่อเสร็จสิ้นก็จะนำกลับมากักต่อจนกว่าคดีความจะสิ้นสุดลง ทั้งตอนที่ดำเนินการนำตัว 2 ผู้ต้องหาส่งฝากขังต่อศาลนั้นก็ไม่ได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนั้นถูกแจ้งข้อหาร้ายแรงและเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งเชื่อได้ว่าจะมีพฤติการณ์หลบหนีอย่างแน่นอน
ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ ศาลใช้ดุลพินิจในการให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 จึงทำให้ผู้ต้องหาทั้งสองไม่ถูกฝากขัง หลังจากนั้นผู้ต้องหาชาวเยอรมันขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยอ้างว่า มีความจำเป็นทางธุรกิจต้องกลับไปประเทศเยอรมนี ส่วนผู้ต้องหาชาวอเมริกันเนื่องจากไม่ได้ถูกกักตัวที่ ตม. ตั้งแต่แรก จึงได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศด้วยช่องทางธรรมชาติ
ส่วนที่ 2 คือการดำเนินคดีทางอาญาเรื่องการรับเงินสินบน ในส่วนนี้จากการสอบปากคำทนายความของผู้ต้องหาชาวเยอรมันนั้น ได้ให้การว่าได้รับเงินมาจากชาวเยอรมันจำนวนกว่าล้านบาทจริง แต่เป็นค่าประกันตัวและดำเนินการทางศาล โดยไม่ทราบว่าชาวเยอรมันให้เงินสินบนกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ส่วนตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ก็ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับรู้เรื่องการให้เงิน ตนจึงประสานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ให้มาพบกับตนเพื่อพูดคุย หารือในเรื่องของการประสานให้พนักงานสอบสวน เดินทางไปสอบปากคำผู้ต้องหาชาวเยอรมัน ในวันศุกร์นี้ (8 ธ.ค.) เวลา 14:00 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พ.ล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังเปิดเผยอีกว่า ในส่วนการดำเนินคดีทั้งสองส่วนนั้นว่า จะต้องดำเนินการสอบสวนทั้งทางวินัยและคดีอาญากับ ผกก.สภ.เมืองพัทยาในเวลานั้น ร่วมกับ รอง ผกก.(สอบสวน) หัวหน้าพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี รวม 3 คน โดยได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ดำเนินการสอบวินัยนายตำรวจทั้ง 3 นายนี้แล้ว เพื่อดำเนินการลงโทษทางวินัยต่อไป ส่วนคดีอาญา จะต้องตรวจสอบให้ได้ว่ามีใครรับเงินและยืนยันว่า ถ้าพบเจ้าหน้าที่รายใดกระทำความผิด ตนเองไม่ช่วยแน่นอนและดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ จะต้องนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนกลับมาดำเนินคดีที่ราชอาณาจักร ตนได้สั่งการให้ ผกก.สภ.เมืองพัทยา เร่งขอหมายแดง เพื่อดำเนินการให้ตำรวจสากลติดตามนำตัว 2 ผู้ต้องหามาดำเนินคดีที่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามในส่วนผู้ต้องหาชาวเยอรมันนั้น เป็นเรื่องยากที่จะติดตามนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทย เพราะทางเยอรมันมีกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพพลเมืองของตนสูงมาก จะไม่มีการส่งตัวพลเมืองไปดำเนินคดีที่ประเทศอื่น แต่ถึงแม้จะไม่ส่งตัวผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีในไทย ทางตำรวจก็จะต้องส่งข้อมูลและหมายแดงให้ทางการเยอรมัน เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายดังกล่าวแทน พร้อมยอมรับเป็นเรื่องน่าเสียดายที่สำนวนคดีรัดกุมแล้ว แต่ไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้
สำหรับเรื่องดังกล่าวส่งผลต่อการจัดอันดับการค้ามนุษย์ของไทยพอสมควร ซึ่งตนเองก็เตรียมนัดเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยเพื่ออธิบายเรื่องดังกล่าวแล้ว รวมทั้งเรื่องการติดตามตัวผู้ต้องหาชาวอเมริกันมาดำเนินคดีเช่นกัน