ข่าวลึกปมลับ : พลเรือนนำทหารดับไฟใต้ พิสูจน์ฝีมือ 'เศรษฐา'

“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2566 ตอน พลเรือนนำทหารดับไฟใต้ พิสูจน์ฝีมือ 'เศรษฐา'



การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นหนึ่งในปัญหาที่คาราคาซังมาหลายทศวรรษ รัฐบาลหลายชุดเทงบประมาณและจัดสรรกำลังคนลงไปในพื้นที่จำนวนมาก แต่ยังไม่อาจทำให้ความสันติสุขในพื้นที่เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน

เหตุการณ์ความไม่สงบยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง บางครั้งรุนแรงถึงมีการเสียชีวิต หรือบางครั้งแค่เป็นการก่อความวุ่นวาย แต่ไม่ว่าระดับของเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร

สุดท้ายสันติสุขก็ยังเป็นความหวังที่ทุกฝ่ายรอคอยอยู่ดี

กลไกหนึ่งที่รัฐบาลมักนำมาใช้แก้ไขปัญหาความไม่สงบ คือ คณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ ล่าสุดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีคำสั่งแต่งตั้งนายฉัตรชัย บางขวด ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะพูดคุย

โครงสร้างคณะพูดคุยชุดนี้มีความน่าสนใจตรงที่เป็นการให้พลเรือนกลับขึ้นมาเป็นฝ่ายนำอีกครั้ง จากเดิมที่ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้จะเห็นได้ว่าหัวหน้าคณะพูดคุยส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายทหารเสียมากกว่า ไม่วาจะเป็น พลเอกอักษรา เกิดผล ในปี 2557 พลโทอุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ ในปี 2562 และ พลเอกวัลลภ รักเสนาะ ในปี 2562

ไม่ใช่แค่เพียงการให้ฝ่ายพลเรือนเป็นผู้นำในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยเท่านั้น แต่ยังเข้ามามีบทบาทในตำแหน่งอื่นๆ ด้วย เช่น คณะพูดคุย ซึ่งประกอบด้วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นต้น ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ต้องการให้พลเรือนขึ้นมามีบทบาททำในการสร้างความสงบแทนที่ของฝ่ายทหาร

ที่ผ่านมาการทำงานของฝ่ายทหารผ่านการเป็นหัวหน้าคณะพูดคุยนั้น ต้องยอมรับว่ามีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนแตกต่างกันไป

โดยด้านหนึ่งสามารถทำงานประสานงานกับฝ่ายกองทัพในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อีกมุมหนึ่งก็ยังไม่ปรากฎผลงานเป็นที่ประจักษ์ได้ว่าความสงบได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ แม้ในอดีตจะมีการเปิดโต๊ะเจรจาสันติภาพกับตัวแทนกลุ่มก่อความไม่สงบ

ซึ่งครั้งหนึ่งได้จุดประกายความหวัง แต่พอระยะเวลาผ่านไปปรากฎว่าสถานการณ์ความรุนแรงก็กลับมาปะทุเช่นเดิม

ดังนั้น การขึ้นมานำของฝ่ายพลเรือน จึงเป็นความหวังหนึ่งของการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งถือว่าเพียงแค่เริ่มต้นก็ได้เสียงตอบรับในแง่บวกจากส.ส.ฝ่ายค้านทั้งจากพรรคก้าวไกลและพรรคเป็นธรรม ถึงขนาดแสดงความคิดเห็นว่ารัฐบาลได้กลัดกระดุมเม็ดแรกเพื่อการสร้างสันติสุขแล้ว แสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยที่สุดรัฐบาลก็มีเข็มทิศในการทำงานเรื่องนี้ที่ชัดเจน

แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ต้องจับอย่างน้อย 2 ประเด็นด้วยกัน ได้แก่ 1.อำนาจหน้าที่ของคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งถ้ามองตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีจะเห็นได้ว่ายังเน้นไปที่การประสานงานมากกว่าการให้อำนาจตัดสินใจบางเรื่อง เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว แต่เมื่อมีหน้าที่ประสานงาน สุดท้ายอาจทำให้การทำงานเดินหน้าไปได้ช้า เพราะต้องรอให้หน่วยงานที่อำนาจโดยตรงตัดสินใจอยู่ดี

2.บทบาทของกองทัพ จริงอยู่ถ้ามองตามโครงสร้างของคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ กองทัพจะไม่ได้มีบทบาท แต่ภายใต้เงื่อนไขทางการเมืองที่เวลานี้พรรคเพื่อไทยกับกองทัพมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งพอสมควร เห็นได้จากหลายครั้งที่พรรคเพื่อไทยมักจะออกหน้ารับแทนกองทัพในเรื่องเกี่ยวกับทหารหลายเรื่อง โดยเฉพาะการปฏิรูปกองทัพ หรือ ปัญหาการจัดซื้อเรือดำน้ำ จึงทำให้เกิดข้อสังเกตว่าในการแก้ไขปัญหาความสงบในพื้นที่ ซึ่งกองทัพเคยเป็นฝ่ายนำการเมืองมาตลอด10ปี จะยอมคืนอำนาจให้ฝ่ายพลเรือนอย่างไม่มีเงื่อนไขหรือไม่ หรือจะเป็นเพียงแค่นอมีนีเท่านั้น

เพราะฉะนั้น ต้องรอดูว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ก่อนหน้ามุ่งสมาธิไปกับการทำนโยบายประชานิยมอย่างเห็นได้ชัด พอต้องมาทำเรื่องการสร้างสันติสุขในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีทำได้แค่ไหนต่อไป

--------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )

ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1