“อัยการสูงสุด” เด้ง “อัยการบอย” จาก สนง.อัยการภาค 9 เข้ากรุ เตรียมสอบอัยการเรียกรับเงิน 5 แสนบาท ยันต้องตรวจสอบให้โปร่งใส ส่วนชุดตำรวจ-พลเรือน อุ้ม “จรวด” 8 ราย มีคำสั่งฟ้องไปแล้ว
เมื่อเวลา 10.30.น. วันนี้ (30 พ.ย.) นายธนกฤต จิตรอารีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนของ นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ “แป้ง นาโหนด” ที่เรียกร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด เพื่อให้ตรวจสอบกรณีคลิปวิดีโอของ “แป้ง นาโหนด” ที่อ้างว่า เกี่ยวข้องกับอัยการเรียกรับสินบนจำนวน 5 แสนบาท และกรณีพาดพิงถึง “อัยการบอย” โดยมีโฆษกอัยการสูงสุดเป็นผู้รับหนังสือ
นายประยุทธกล่าวว่า ตระหนักว่าเรื่องสำคัญแบบนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจและ กระทบต่อความเชื่อมั่นของสำนักงานอัยการสูงสุดอย่างยิ่งนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งลงนามมาเมื่อสักครู่ ย้ายอัยการบอย เข้ามาส่วนกลางคำสั่งนี้ย้ายนายพงศ์พิพัฒน์ เกิดเทพ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุดจังหวัดสงขลา (อัยการบอย)มาประจำที่สำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด
การย้ายเข้ามามิได้หมายความว่านายพงษ์พิพัฒน์กระทำผิดตามคลิปของนายแป้ง แต่ย้ายเข้ามาเพราะให้กระบวนการตรวจสอบของสำนักงานวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปโดยโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน เพราะปัจจุบันถึงแม้ว่าอัยการบอยย้ายมาที่จังหวัดสงขลาแต่ว่าก็ยังเกี่ยวข้องกับงานคดี ดังนั้นเพื่อให้เกิดความสบายใจและเพื่อให้สังคมมั่นใจ ในกระบวนการทำงานของอัยการทางอัยการสูงสุดจึงมีการลงนามย้ายอัยการบอย มาประจำที่สำนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ที่ศูนย์ราชการเรียบร้อยมีผลวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ในส่วนของการดำเนินการตรวจสอบสำนักงานอัยการสูงสุดกำลังดำเนินการ
"การสั่งสำนวนของอธิบดีอัยการภาค 9 ในปี 2563 คือการสั่งบนพื้นฐานของสำนวน ที่พนักงานสอบสวนส่งมาให้ ตนไม่ก้าวล่วงว่าการสั่งเป็นไปประการใด แต่ให้ความมั่นใจกับประชาชนได้ว่าการสั่งของอธิบดีอัยการภาค 9 ซึ่งดูละเอียดถึงขณะที่มีผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอมาสั่งไม่ฟ้องทั้งหมด แต่อธิบดีอัยการภาค 9 มองว่ากระบวนการพยานหลักฐานไม่ใช่เเละมีจุดเชื่อมโยง ก็กลับคำสั่ง เป็นคำสั่งฟ้องนายแป้งนาโหนด รายละเอียดเป็นอย่างไรรอผลการตรวจสอบ"
นายประยุทธ กล่าวอีกว่า ส่วนการตรวจสอบมี 2 สำนวน กรณีที่ฟ้องตำรวจชุดจับกุมและพลเรือนรวม 8 ราย คดีอุ้มรีดทรัพย์และกักขังหน่วงเหนี่ยว แลกกับการไม่ดำเนินคดีนั้น ขณะนี้พนักงานอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องไปเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2566 และอยู่ระหว่างนัดส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาฟ้องพร้อมสำนวนวันที่ 22 ธ.ค.นี้ ข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157, กักขังหน่วงเหนี่ยว และข้อหาอื่นๆ รวม 10 ข้อหา ส่วนประเด็นที่นายแป้ง (เสี่ยแป้ง นาโหนด) อ้างว่า อัยการบอย เรียกรับ ผลประโยชน์เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท นั้นข้อกล่าวหาดังกล่าว จะต้องรอคณะกรรมการที่อัยการสูงสุดแต่งตั้งขึ้นมาตรวจสอบในประเด็นที่นายแป้งร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วทางโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดจะมีการชี้แจงถึงผลการสอบสวนอีกครั้ง ส่วนจะมีคำสั่งย้ายอัยการที่ถูกกล่าวอ้างหรือไม่นั้นมองว่าเรื่องนี้ยังไกลไปที่จะมีคำสั่งได้
สำหรับประเด็นที่ว่าทำไมสังคมต้องเชื่อจากจดหมายร้องเรียนของนายแป้ง (เสี่ยแป้ง นาโหนด) ยืนยันว่า ไม่ใช่แบบนั้น แต่มองว่า เป็นการตรวจสอบ หากมีคนท้วงติงในเรื่องการสั่งคดี อีกทั้งเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ อัยการสูงสุดจึงให้ความสำคัญที่จะต้องทำให้โปร่งใส เพื่อตอบสังคมให้ได้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลัง นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดลงนามคำสั่งย้ายนายพงศ์พิพัฒน์ เกิดเทพ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุดจังหวัดสงขลา (อัยการบอย )มาประจำที่สำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุดระหว่างกระบวนการตรวจสอบของสำนักงานวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นไปโดยโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นประชาชนเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น มีรายงานว่าวันนี้เวลาประมาณ13.00 น.นายพงศ์พิพัฒน์ เดินทางมารายงานตัวยังสำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด เรียบร้อยเเล้ว