xs
xsm
sm
md
lg

ปอศ.ทลายแก๊งโกงบริษัทบัตรเครดิต เสียหายกว่า 30 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ปอศ.รวบ 11 ผู้ต้องหาขบวนการโกงบริษัทให้บริการบัตรเครดิต รูดซื้อมือถือ-อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ผ่านร้านออนไลน์ เสียหายกว่า 30 ล้านบาท

วันนี้ (29 พ.ย.) พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ มอญรัต, พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ ,พ.ต.ต.ฉัตรดนัย ทองคลอด, พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.5 บก.ปอศ.นำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายหลายแห่งในพื้นที่ จ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี จ.สระบุรี และกรุงเทพมหานคร เพื่อกวาดล้างแก๊งฉ้อโกงวงเงินบัตรเครดิต สามารถผู้ต้องหาขบวนการดังกล่าวได้จำนวน 11 ราย ประกอบด้วย นายนฤเบศน์ ผลจันทร์ อายุ 30 ปี ,นางละมูล ผลจันทร์ อายุ 48 ปี , นายภาคิน ราวินิจ อายุ 25 ปี ,นายเจริญชัย แก้วลา อายุ 41 ปี ,นางสาวมนภร ทาสมบูรณ์ อายุ 29 ปี ,นายสันติภาพ อาสาไทย อายุ 32 ปี ,นางสาวอุษณิษา โสวะภาสน์ อายุ 23 ปี ,นายวีรภัทร แสนวงษ์ อายุ 22 ปี , นายอัษฎาวุธ บุดดาหาร อายุ 20 ปี ,นางพันธ์ทวี บุญสิทธิ์ อายุ 46 ปี
และ นายสุขุม สังข์สูงเนิน อายุ 29 ปี
ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง ,ยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ โดยประการที่น่าจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” พร้อมของกลาง บัตรเครดิต 49 ใบ โน๊ตบุ๊ก 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง สมุดบัญชี 11 เล่ม สำเนาบัตรนักศึกษา 20 ใบ ซิมการ์ด 136 ชิ้น I Pad 10 เครื่อง เงินสด 62,000 บาท สร้อยคอสีทอง 1 เส้น สร้อยข้อมือสีทอง 1 เส้น แหวนสีทอง 1 วง รถยนต์ MG สีเทา 1 คัน และ รถเบนซ์ สีขาวอีก 1 คัน

ทั้งนี้เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ได้มีบริษัทให้บริการบัตรเครดิตแห่งหนึ่ง ตรวจสอบพบการทำธุรกรรมน่าสงสัยของกลุ่มลูกค้าที่มีวงเงินบัตรเครดิตไม่เกิน 25,000 บาท หลังพบว่ามีการทำทีโอนเงินสดเข้ามาเพื่อเพิ่มวงเงินในบัตรเครดิตของตนเอง จำนวน 1.9 ล้านบาท จากนั้นก็จะโทรไปขอยกเลิกรายการและขอรับเงินคืนกับทางคอลเซ็นเตอร์ อ้างว่าโอนเงินผิด แต่ระหว่างที่บริษัทฯ กำลังดำเนินการโอนเงินคืนกลับให้ ลูกค้ากลุ่มนี้กลับฉวยโอกาสที่บริษัทฯยังไม่ตัดยอดวงเงิน 1.9 ล้านในบัตรเครดิต หรือ ยอดวงเงินคงค้าง รีบนำบัตรไปใช้ซื้อโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผ่านร้านค้าออนไลน์จำนวนหลายรายการจนครบวงเงินในทันที อีกทั้งยังพบว่า หลังได้รับเงินคืนจากทางบริษัทแล้วนั้นกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ก็จะเร่งโยกเงินออกจากบัญชีและถอนเงินสดออกจากระบบในทันที จากพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายกับทางบริษัทเป็นเงินกว่า 30 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สืบหาเบาะแส จนทราบว่า กลุ่มลูกค้าเหล่านี้เป็นกลุ่มขบวนการเดียวกัน มีการแบ่งหน้าที่กันทำ อาทิ กลุ่มนายทุน กลุ่มนายหน้าคอยชักชวนบุคคลอื่นมาเปิดบัญชีธนาคารและสมัครบัตรเครดิต กลุ่มคนที่หวังผลประโยชน์ และเจ้าของบัตรเครดิตที่ถูกชักชวน โดยอาศัยช่องว่างของระบบที่สามารถนำวงเงินคงค้างไปใช้ได้ จากนั้นก็จะนำไปซื้อโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผ่านร้านค้าออนไลน์ต่างๆ แล้วนำไปขายต่อให้กับร้านโทรศัพท์ ก่อนนำเงินที่ได้มาแบ่งกัน จึงรวบรวมพยานหลักขออำนาจศาลออกหมายจับและนำมาสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 11 ราย แบ่งเป็นกลุ่มนายหน้า 4 ราย กลุ่มเจ้าของบัตรเครดิต 4 ราย และกลุ่มนายทุน 3 ราย

สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 11 ราย ให้การปฏิเสธ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น