xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ยื่นเบิกความคดีพันธมิตรฯ ชุมนุมสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ ปี 51 ยันใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เป็นไปโดยสุจริต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จำเลยคดีกลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ มาเบิกความต่อศาล
“ปานเทพ” ยื่นคำแถลงเบิกความคดีพันธมิตรฯ ชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ ปี 51 ยืนยันเหตุผล 10 ประการ ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ เป็นไปโดยสุจริต เผย คดีแกนนำพันธมิตรฯ ชุดแรก นัดพิพากษา 18 ธ.ค.นี้

เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (21 พ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานจำเลยปากสุดท้าย คดีหมายเลข อ.1083/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด กับพวก รวม 67 คน เป็นจำเลยในคดีพันธมิตรฯ บุกชุมนุมสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551

ในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชานด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพี่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ, ร่วมกันเข้าไปรบกวนการครอบครอง เข้าไปซ่อนตัวในอาคารสำนักงานของผู้อื่นและไม่ยอมออกไปจากสถานที่นั้น โดยใช้กำลงประทุษร้าย, ร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

โดยวันนี้ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จำเลยที่ 18 และทนายความ เดินทางมาศาลเพื่อเบิกความเป็นพยานปากสุดท้าย

นายปานเทพ กล่าวว่า มาเบิกความในฐานะจำเลยที่ 18 คดีพันธมิตรฯชุดที่สอง ชุมนุมในสนามบินท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา ก็ได้มีโอกาสซักค้านพนักงานสอบสวน ซึ่งพยานฝ่ายโจทก์ที่พาดพิงถึงตนเองไปแล้ว และแม้ว่าจะไม่ได้เป็นแกนนำพันธมิตรฯในช่วงนั้น แต่ในวันนี้จะได้นำพยานหลักฐานที่รวบรวมมาหลายปีในฐานะนักวิชาการและสื่อมวลชน ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เห็นภาพรวมว่าเกิดอะไรขึ้นเพื่อจะแถลงต่อศาลไว้จำนวน 100 หน้า ทำให้มั่นใจว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด ส่วนจะไม่กระทำผิดอย่างไร ก็จะขอเบิกความในชั้นศาล ส่วนคดีแกนนำพันธมิตรฯชุมนุมบุกสนามบินชุดแรก มีจำเลย 36 คน ศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 18 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
นายปานเทพ กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการใช้สิทธิต่อต้านการได้มาซึ่งอำนาจโดยมิชอบตามรัฐธรรมนูญของรัฐบาลในยุคนั้น ที่ทำให้มีการยุบพรรคพลังประชาชน 2 ธ.ค. 2551 และหยุดยั้งการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างคดีทุจริตคอร์รัปชัน ยกเลิกคดียุบพรรคการเมืองหลังจากที่ผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว ส่วนการชุมนุมในเหตุการณ์นั้นจะเป็นอย่างไร ก็จะมีรายละเอียดในคำเบิกความ แต่การชุมนุมในช่วงนั้น ประสบความสำเร็จเป็นที่มีมาของการทำให้คดีทุจริตคอร์รัปชันเดินหน้าไปได้ จนยุติไปแล้ว 12 คดี มีผู้ถูกจำคุกหลายคน รวมทั้ง นายทักษิณ ชินวัตร ด้วย เราจึงเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าทำหน้าต่อต้านการได้มาซึ่งอำนาจโดยมิชอบตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกัน ก็ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน เราเชื่อและมั่นใจว่า สิ่งที่เราทำไม่ได้เป็นเพียงเสรีภาพการชุมนุม แต่เป็นการทำหน้าที่รักษาประโยชน์ของชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ


ภายหลังยื่นคำเบิกความแล้ว นายปานเทพ กล่าวว่า ได้ยื่นคำเบิกความ ซึ่งวันนี้พนักงานอัยการได้อ่านและมีการซักค้านเป็นที่เรียบร้อย โดยศาลนัดพร้อมจำเลยทุกคนในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ เพื่อจะนัดฟังพิพากษาคาดว่าจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมปีหน้า สำหรับรายละเอียดคำเบิกความเป็นลายลักษณ์อักษรที่ยื่นต่อศาลในวันนี้ เป็นเอกสารจำนวน 100 กว่าหน้า แบ่งเป็น 10 ข้อ
ข้อแรกคือ การต่อต้านของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการต่อต้านพรรคพลังประชาชนที่สืบทอดอำนาจจากพรรคไทยรักไทย เพราะมีการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งมีคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวข้องกับนายทักษิณ กับพวกรวม 12 คดี มูลค่านับเกือบ 1 แสนล้านบาท ฉะนั้น การที่พันธมิตรฯ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ยกเลิกอำนาจ คตส.ที่เคยตรวจสอบเอาไว้ จึงเท่ากับพันธมิตรฯ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้างความผิดให้กับนายทักษิณ เท่ากับว่า พันธมิตรฯทำหน้าที่ของประชาชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 71

ข้อที่ 2 การที่พันธมิตรฯต่อต้านทั้งสองพรรคดังกล่าว เพราะได้อำนาจโดยไม่เป็นไปตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ กลุ่มพันธมิตรฯจึงอาศัยสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญตามมาตรา 69 ต่อต้านผู้ได้อำนาจมาจากการโกงเลือกตั้ง ซึ่งมีคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคพลังประชาชน และก่อนหน้านั้น ก็ยุบพรรคไทยรักไทยด้วยข้อหาเดียวกัน

ข้อที่ 3 กลุ่มพันธมิตรฯ ต่อต้านรัฐบาลเป็นไปโดยสุจริตและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่นายทักษิณ ยื่นฟ้องพันธมิตรฯ 2 คดี เมื่อปี 2551 ซึ่งเราชนะทั้งสองคดี โดยคำพิพากษาระบุว่าสิ่งที่เราได้แถลงไม่เกินเลยจากความเป็นจริง นอกจากนี้ ยังมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ให้พันธมิตรฯชนะคดีการสลายการชุมนุม 7 ตุลา 2551 และคดีที่อัยการฟ้องพันธมิตรฯชุมนุมที่รัฐสภา ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นยกฟ้อง

ข้อที่ 4 กลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมโดยมีเนื้อหาปกป้อง 3 สถาบันหลัก เช่น การปกป้องอธิปไตยของชาติโดยการแถลงคัดค้านแถลงการร่วมไทย-กัมพูชา เมื่อปี 2551 ที่กระทำโดยมิชอบ สุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียอาณาเขต คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าเป็นการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ แปลว่าเราทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ

ข้อที่ 5 การใช้สิทธิในการต่อต้านรัฐบาล เราใช้เครื่องมือด้วยการชุมนุมสาธารณะเมื่อปี 2551 ที่ยังไม่มี พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ รัฐธรรมนูญกำหนดว่า ถ้าไม่มีกฎหมายเฉพาะกาล และจะอาศัยกฎหมายฉบับอื่นมาลงโทษ เพราะไม่มี พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะจะกระทำไม่ได้

ข้อที่ 6 มีการใช้อำนาจบิดเบือน แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เช่น แก้ไขรัฐธรรมนูญ ฟ้องกลุ่มพันธมิตรฯ โยกย้ายอธิบดีดีเอสไอ ข้าราชการตำรวจ และคดีถุงขนมละเมิดอำนาจศาล และคดีปลอดแปลงเอกสารก.ก.ต.หวังช่วยคดีซื้อเสียง การที่พันธมิตรฯชุมนุมและแถลงการณ์จึงสมควรแก่เหตุ

ข้อที่ 7 กลุ่มพันธมิตรฯ ทำตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งแถลงการณ์ 29 ฉบับของพันธมิตรฯ ยึดสันติวิธี ปราศจากอาวุธและเรียกร้องให้ตำรวจจับกุมผู้กระทำความผิด

ข้อที่ 8 กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้ความคุ้มครองสิทธิ และความปลอดภัยในการชุมนุม เนื่องมีระเบิดเอ็ม 79 และยิงปืนอาก้า ทำร้ายผู้ชุมนุมบาดเจ็บ แขน ขาขาด และเสียชีวิตจำนวนมาก

ข้อที่ 9 การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่เป็นเหตุผลที่แท้จริงของการปิดสนามบินทั้งทางกายภาพในการใช้พื้นที่ทั้งสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ เป็นพื้นที่จราจรหน้าอาคารผู้โดยสาร ไม่กระทบต่อการบิน รวมถึงมีหนังสือของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ขอให้มีการเปิดสนามบิน เพราะพื้นที่การชุมนุมไม่กระทบต่อการบิน ดังนั้น เราได้พบว่าหลังจากนั้นก็ยังมีการใช้พื้นที่เดียวกันชุมนุมอีก 5 ครั้ง แต่ไม่เคยมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ข้อที่ 10 พนักงานสอบสวนไม่ได้รวบรวมพยานหลักฐานรอบด้าน รวมถึงมีการเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวนที่เห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้กระทำผิด จากการซักค้านเรายังได้พบอีกว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ภายใน 48 ชั่วโมง ฉะนั้น จะมาเอาผิดผู้ชุมนุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้อย่างไร


กำลังโหลดความคิดเห็น