ผู้การสืบนครบาล เรียกประชุมคลี่คลายคดีนักเรียนช่างถูกยิงเสียชีวิตกลางซอยระนอง 2 เผย ตั้ง 3 ประเด็นความขัดแย้งปมก่อเหตุ พร้อมสั่งเร่งสืบสวนติดตามจับกุม 3 คนร้าย มาดำเนินคดี
วันนี้ (20 พ.ย.) เมื่อเวลา 07.30 น. ร.ต.ท.ธีระกิตติ์ ธีระบัญชร รอง สว.สอบสวน สน.ดุสิต รับแจ้งเหตุนักเรียนยิงกันเสียชีวิต บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 64/4 B 56/6 ถนนระนอง 2 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม.ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนอนุบาลกรแก้ว จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ไตรภพ แพทย์รัตน์ ผกก.สน.ดุสิต พ.ต.อ.กมล นุ่มหอม รอง ผบก.น.1 เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ตำรวจ กก.สสบก.น.1 ฝ่ายสืบสวน สน.ดุสิต เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรนิติเวช รพ.รามาธิบดี และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบนฟุตปาท พบศพ นายพงษ์ภีระ อายุ 16 ปี แผนกก่อสร้าง นศ.ปวช.ปี 2 วิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อชอปช่าง เสื้อยืดคอวีแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดที่กลางหน้าอก 1 นัด ในที่เกิดเหตุพบปืนปากกา 1 กระบอก มีกระสุน .38 คารังเพลิง ยังไม่ทราบเป็นปืนของใคร และอาวุธมีด 1 เล่ม จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ภายหลังก่อเหตุไม่นาน อาจารย์ของวิทยาลัย เพื่อนนักศึกษา ที่มีสถานที่ตั้งวิทยาลัยห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ถึง 500 เมตร เดินทางมาที่เกิดเหตุทันที พร้อมทั้งพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตที่ทราบข่าวร้าย
นายชาญณรงค์ อายุ 42 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ลูกตนยกมือไหว้จากบ้านออกมาวิทยาลัยตามปกติ โดยจะใช้วิธีการขึ้นรถเมล์มาเพียงลำพังจากบ้านที่ดินแดง แต่จะใส่ชุดปกติธรรมดามาโรงเรียน และเมื่อมาถึงก่อนจะเข้าวิทยาลัยจะมีการเปลี่ยนชุดวิทยาลัย เนื่องจากลูกเกรงว่าจะถูกทำร้ายระหว่างมาวิทยาลัย แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงและโหดร้ายขนาดนี้ขึ้นกับลูก
ส่วนลูกตั้งใจที่จะมาเรียนที่นี่ ตนเคยจะให้ลาออก เพราะห่วงลูก เนื่องจากวิทยาลัยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้งมาก่อนหน้านี้ แต่ลูกได้ไปขอร้องแม่เพื่อจะขอเรียนต่อ ตนจึงตามใจ เพราะเป็นความต้องการของลูก รู้สึกเสียใจอย่างมากที่ลูกต้องมาจากไปแบบนี้ และตนเองมีลูกเพียงคนเดียวด้วย
จากการสอบสวนเพื่อนของผู้ตาย ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นแกรนด์ฟีลาโน่ ทะเบียน 9 กล 9685 กทม. โดยมีผู้ตายซ้อนท้าย ขับมาตามซอยระนอง 2 เพื่อจะมารับเพื่อนอีกคนที่เดินทางมาทางถนนพระราม 5 ถึงจุดเกิดเหตุมีกลุ่มคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น ประมาณ 3 คน ขับรถจักรยานยนต์สีดำ ไม่ติดแผ่นแผ่นป้ายทะเบียน 2 คัน ติดตามมาจากถนนเทอดดำริ
โดยเมื่อถึงจุดเกิดเหตุ คนร้ายได้ใช้อาวุธมีดไล่ฟันกลุ่มของตน ก่อนจะมีการชุลมุน กลุ่มคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ 1 นัด ถูกบริเวณหน้าอกของผู้ตาย จากนั้นคนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางถนนพระราม 5 และไม่ทราบทิศทางหลบหนี
ด้าน พ.ต.อ.ไตรเทพ เปิดเผยว่า ผู้ตายซ้อนรถ จยย.มากับเพื่อน จากถนนเทอดดำริ ตรงมายังจุดเกิดเหตุ เพื่อมารอรับเพื่อนอีกคนหนึ่งในถนนระนอง 2 ปรากฏว่า เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ มีรถ จยย.ของผู้ก่อเหตุจำนวน 2 คัน ขี่ตามมาประกบและยิงใส่ผู้เสียชีวิต ก่อนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุจะขี่รถ จยย.มุ่งหน้าออกไปทางถนนพระราม 5 โดยพบว่า ที่เกิดเหตุมีปืน 1 กระบอกตกอยู่ เป็นปืนปากกา ขณะนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บไปเพื่อตรวจสอบหาความเชื่อมโยงว่าเป็นปืนที่ใช้ก่อเหตุยิงหรือไม่ ส่วนเพื่อนผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เบื้องต้นนำไปสอบปากคำที่ สน.ดุสิต แล้ว และให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี
ต่อมาเมื่อเวลา 11.30 น. ที่ห้องประชุม สน.ดุสิต พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่สืบสวนฯ บช.น. บก.น.1 และฝ่ายสืบสวนของ สน.ดุสิต เพื่อประชุมแบ่งงานการสืบสวนติดตามตัวกลุ่มนักเรียนที่ก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว โดยใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมง
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวภายหลังการประชุม ว่า คดีนี้ทาง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ทีมสืบสวนนครบาลเข้าร่วมสืบสวนสอบสวน เบื้องต้นตั้งแนวทางการสืบสวนไว้มูลเหตุการก่อเหตุครั้งนี้ไว้ 3 ประเด็น คือ เรื่องความขัดแย้งส่วนตัวของผู้เสียชีวิต เรื่องความขัดแย้งของเพื่อนผู้เสียชีวิต และเรื่องความขัดแย้งต่างสถาบัน โดยได้แบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนทำงานอย่างละเอียดก่อน ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด เป็นฝีมือต่างสถาบันหรือไม่
เบื้องต้นยังไม่พบว่า ผู้ตายเคยมีประวัติขัดแย้งกับใคร ส่วนตัวสถาบันนั้นอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่ามีสถาบันคู่อริหรือไม่ ทั้งนี้ยังไม่พบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ยิงกันที่คลองเตย เพราะเป็นคนละสถาบันแต่ก็จะพยายามเร่งไล่ล่าตัวคนร้ายจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำรอยขึ้นอีก
จากภาพวงจรปิด พบว่า คนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน มากัน 3 คน เป็นรถจักรยานยนต์ที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ยังไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นนักเรียนหรือเยาวชน เพราะสวมหมวกกันน็อคทั้ง 3 คน มีการวางแผนมาก่อนแต่ไม่ได้วางแผนอย่างซับซ้อน
ส่วนอาวุธปืนที่พบในที่เกิดเหตุยังไม่ชี้ชัดว่าเป็นปืนที่ใช้ยิงผู้เสียชีวิตหรือไม่ ต้องรอการตรวจสอบทางนิติเวชโดยละเอียด ส่วนอาวุธนี้ที่พบในที่เกิดเหตุ แน่ชัดแล้วว่า เป็นอาวุธมีดของผู้เสียชีวิตที่พกเอาไว้ป้องกันตัว ซึ่งจากภาพวงจรปิด พบว่าผู้เสียชีวิตได้ใช้อาวุธมีดดังกล่าวป้องกันตัวด้วยการแทงไปที่ผู้ก่อเหตุหลายครั้ง จึงวิเคราะห์ว่าคนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บและต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหรือคลินิกในเขตกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล ขณะนี้ได้ให้ชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าสืบสวนตามโรงพยาบาล พร้อมประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนที่พบเห็นแจ้งเบาะแสผู้กระทำความผิดทั้ง 3 คน และรถจักรยานยนต์ที่ก่อเหตุมาได้ที่ อินบ็อกซ์เพจ สืบนครบาล IDMB โดยจะดำเนินการปกป้องข้อมูลความลับ พร้อมขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย