ตำรวจกองปราบหอบสำนวน"กำนันนก" ฆ่าสารวัตรทางหลวงดับ -ช่วยเหลือกำนันนกหลบหนี กว่า 7 พันหน้า ให้อธ.อัยการฯพิจารณา มั่นใจหลักฐานมัดแน่น สั่งฟ้องได้
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (16 พ.ย.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายปรีชา สุขสงวน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา นายสุรพันธ์ กิจพ่อค้า อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายวัชรินทร์ ภาณุรัฒน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวน รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายณรงค์ ศรีระสันต์ และ นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.กองปราบปราม ร่วมกันแถลงข่าวรับสำนวนคดีของนายประวีณหรือกำนันนก จันทร์คล้าย รวม 2 สำนวน จำนวน 7 ลัง กว่า 7,000 หน้า มีผู้ต้องหาทั้งหมด 28 ราย จากพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.
นายประยุทธ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่าทั้งสองคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากกรณี พ.ต.ต. ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจทางหลวง 1 กก.2 บก.ทล. ถูก นายธนัญชัย หมั่นมากหรือหน่อง ท่าผา ใช้อาวุธปืนยิงถึงแก่ความตายขณะอยู่ในงานเลี้ยง ภายในบริเวณบ้านพักของนายประวีณหรือกำนันนก โดยเหตุเกิดต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในงานเลี้ยงเป็นจำนวนมาก เมื่อคืนวันที่ 6 กันยายน 66 ที่ผ่านมา โดยทั้ง2สำนวนมีข้อเท็จจริงที่จะแถลงให้สื่อมวลชนทราบเบื้องต้น ดังนี้
1. สำนวนคดีอาญาที่ 24/2566 มีผู้ต้องหาจำนวน 2 คน คือ นายธนัญชัยหรือหน่อง ท่าผา ผู้ต้องหาที่ 1 (ถูกวิสามัญถึงแก่ความตาย) ถูกกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน
ส่วนนายประวีณหรือกำนันนก ผู้ต้องหาที่ 2 ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่น และนายประวีณหรือกำนันนก จันทร์คล้าย ผู้ต้องหาที่ 2 ยังถูกกล่าวหาในสำนวนคดีอาญาที่ 25/2566 ซึ่งส่งสำนวนพร้อมกันในวันนี้ (เป็นผู้ต้องหาที่ 27) ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยไม่ชอบ
ชั้นสอบสวน กำนันนก ผู้ต้องหาที่ 2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหานายอาทิตย์ เก้าลิ้ม ผู้ต้องหาที่ 28 ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ , เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิดหรือผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันไม่ใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้ที่พำนัก ซ่อนเร้น ช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม , เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
นายอาทิตย์ เก้าลิ้ม ผู้ต้องหาที่ 28 ถูกกล่าวหาว่า
เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ , เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิดหรือผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันไม่ใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้ที่พำนัก ซ่อนเร้น ช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม , เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 28 คน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ผู้ต้องหาที่ 1 ถึงผู้ต้องหาที่ 6 ฝากขังตามหมายขังของศาลอาญา ครบฝากขังครั้งที่ 6 ในวันที่ 21 พ.ย. นี้
ส่วนนายประวีณ หรือกำนันนก จันทร์คล้าย ผู้ต้องหาที่ 27 ถูกฝากขังตามหมายขังของศาลอาญา ในคดีที่ 24/2566 ซึ่งครบฝากขังครั้งที่ 6 ในวันที่ 19 พฤศจิกายน นี้
ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นำตัวมาส่งให้พนักงานอัยการในวันนี้ โดยสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต นัดมาฟังคำสั่งในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.00 น.
นายประยุทธ์ กล่าวต่อว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญ สำนักงานคดีอาญา และสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้รายงานให้อัยการสูงสุดทราบและเนื่องด้วยสื่อมวลชนและประชาชนให้ความสนใจในการติดตามความคืบหน้าคดีนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะการก่อเหตุในครั้งนี้ เป็นการกระทำที่อุกอาจ ผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเกิดเหตุต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นจำนวนมาก ถือเป็นคดีสำคัญตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งพนักงานอัยการที่รับผิดชอบภายใต้การควบคุมของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต จะเร่งรัดการตรวจสำนวนด้วยความละเอียด รอบคอบและรวดเร็ว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นายปรีชา กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงานคดีอาญาจะรับผิดชอบในสำนวนที่ 4/2566 โดยมีผู้ต้องหา ทำการฝากขังครั้งที่6 ซึ่งจะครบกำหนดฝากขังอีก 2 วัน แต่ยังสามารถขยายเวลา อีก1 ผัด ดังนั้นสำนักงานคดีอาญา เหลือเวลาอีก 12 วัน อย่างไรก็ตามรายละเอียดคดีเราเพิ่งรับสำนวนมาขอใช้เวลาศึกษาดูสำนวนระยะหนึ่ง แต่คิดว่าเสร็จทันเวลาฝากขังครั้งสุดท้ายแน่นอน คดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญเป็นที่สนใจของประชาชน ตนจะตั้งคณะทำงานจะให้รองอธิบดีสำนักงานคดีอาญา เป็นหัวหน้าคณะทำงานพร้อมคณะเป็นคณะทำงาน จะมีการประชุมกันในคณะทำงานและจะมีความเห็นหรือมีคำสั่งมาเสนอตนอีกทีนึงเพื่อให้ตนพิจารณาตามระเบียบ แล้วนำส่งนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดทราบ
นายสุรพันธ์ กล่าวว่า ในส่วนของตนผู้ต้องหาจะมีจำนวนมากรวมทั้งหมด 28 คน มีทั้งตำรวจ และพลเรือน รวมถึงกำนันนก แต่ละข้อหาจะแบ่งเป็นกลุ่มๆ ซึ่งสำนวนนี้ก็จะมอบให้สำนักอัยการแผนกปราบปรามการทุจริตเป็นผู้รับผิดชอบและจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาเนื่องจากเป็นคดีสำคัญ ใกล้ครบกำหนดฝากขังผัดสุดท้าย ส่วนผู้ต้องหาที่ไม่ได้ฝากขังนั้นทางอัยการสำนักงานปราบปรามทุจริตจะนัด มาวันที่ 30 พฤศจิกายน เวลา 9.00 น. คงดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนด
ด้านนายวัชรินทร์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำแนวทางของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่จะมีอัยการไปร่วมสอบสวนในสำนวนคดีด้วยด้วยทำให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีขึ้น พล.ต.ท.จิรภพจึงได้หารือมาทางสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อให้ผู้บังคับการปราบปรามทำหนังสือมาทางเราเพื่อนำเรียนอัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดอนุญาตให้ตนเข้าไปร่วมหารือในคดีกับชุดทำงานของกองปราบปรามเพื่อวิเคราะห์หลักฐานพยานวัตถุ พยานบุคคลที่มีทั้งหมด ดูในเรื่องข้อหาว่าข้อหาครอบคลุมหรือไม่ก่อนจะนำส่งอธิบดีอัยการทั้งสองฝ่าย ตนคิดว่าสำนวนมีความสมบูรณ์แบบ
ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี และเป็นคดีแรกในประวัติศาสตร์ ที่ตำรวจกอง บัญชาการสอบสวนกลางได้ทำหนังสือมาเชิญอัยการมาร่วมเป็นปรึกษาหารือในเรื่องของรูปแบบของคดี สำนวนและข้อหา ซึ่งเท่าที่ตนร่วมสอบสวนกับตำรวจเห็นว่า เบื้องต้นสำนวนมีความครบถ้วนสมบูรณ์ เพียงพอสั่งฟ้องผู้ต้องหาได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคณะทำงานอัยการจะพิจารณาสั่งให้สอบพยานเพิ่มเติมหรือไม่
ด้าน นายนาเคนทร์ กล่าวว่า มีการดำเนินคดีกำนันนก ทั้งสองศาล คือศาลอาญาในความผิดฐานเป็นผู้ใช้หรือขอให้ผู้อื่นกระทำผิดให้ฆ่าคนตาย
ส่วนอีกคดีหนึ่งจะเป็นคดีที่กำนันนกเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานในการกระทำความผิดหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่จะฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งทั้งสองศาลเมื่อฟ้องไปแล้ว ทางอัยการจะมีการขอให้รับโทษต่อทั้งสองคดี แล้วแต่ว่า ศาลไหนจะตัดสินลงโทษกำนันนกก่อน อัยการจะติดตามเพื่อขอให้ศาลนับโทษต่อกัน
ด้าน พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ในส่วนของสำนวนการสอบสวนทางคณะพนักงานสอบสวน ก็ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล 67 ปากในคดีแรก ส่วนคดีที่ 2 สอบพยาน 44 ปาก และพยานเอกสาร พยานวัตถุ จากการสอบสวนทางคดีก็มีพยานหลักฐานในคดีที่ยืนยันการกระทำผิดของผู้ต้องหาทั้งสองคดีจึงมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองสำนวน
นายปรีชา กล่าวถึงกรณีที่ผู้ต้องหาในสำนวนที่ 25/2566 ที่มีตำรวจและพลเรือนร่วมกันเป็นผู้ต้องหารวม 28 คน ถ้าผู้ต้องหาต่างยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้อัยการพิจารณานั้น อัยการจะดำเนินการอย่างไรว่า สำนักงานอัยการจะใช้ดุลพินิจในการพิจารณาตามระเบียบของอัยการ หากร้องเรียนเรื่องเดียวกันหรือเป็นการประวิงเวลา อัยการก็จะพิจารณาตัดหนังสือร้องเรียนดังกล่าวไปเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการพิจารณ