“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันอังคารที่ 14 พฤจิกายน 2566 ตอน ดราม่านำเข้าตำรวจจีน รัฐบาลถอยดีกว่า แค่คิดก็ผิดแล้ว
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงไม่แพ้วิวาทะเรื่องการเงินดิจิทัลกันเลยทีเดียว ภายหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีแนวคิดที่จะดึงตำรวจจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาร่วมทำงานกับตำรวจไทย เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาที่ประเทศไทย
ประเด็นนี้ได้มีการอธิบายขยายความโดยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ซึ่งระบุว่าแนวคิดนี้มาจากความตั้งใจของภาครัฐที่ต้องการยกระดับความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง ซึ่งประเทศอิตาลีเคยทำโครงการในลักษณะเดียวกันมาแล้ว โดยหวังว่าโครงการนี้จะช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศไทยช่วง 2 เดือนสุดท้ายตามเป้าหมายที่กำหนดไว้จำนวน 4 ล้านคน
มองในแง่มุมหนึ่งต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวจีน ถือเป็นลูกค้าคนสำคัญของประเทศไทย เพราะตั้งแต่ผ่านพ้นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ประเทศไทยก็ตั้งเป้าว่าจะฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวจีน คือ เป้าหมายอันดับหนึ่งที่ประเทศไทยหวังจะใช้ทุกมาตรการเพื่อจูงใจให้เข้าประเทศไทยมากที่สุด แต่สถานการณ์ก็พลิกผันเมื่อเหตุการณ์ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างรุนแรง
ไม่ว่าจะเป็นกรณีการก่ออาชญากรรมที่คนจีนในประเทศไทยต้องตกเป็นเหยื่อ หรือแม้แต่กรณีการกราดยิงในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่กระทบความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนพอสมควร ทำให้นักท่องเที่ยวจีนชะลอการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยและเปลี่ยนปลายทางการท่องเที่ยวไปที่ประเทศเพื่อนบ้านของประเทศไทยโดยปริยาย
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รัฐบาลต้องทำทุกทางเพื่อแย่งชิงสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนคืนมา
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าแนวคิดนี้อาจไม่ได้ไปต่อแล้ว หลังจากพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชทการตำรวจแห่งชาติ แสดงความไม่เห็นด้วยกับการนำตำรวจจีนเข้ามาปฏิบัติการในประเทศไทย
เนื่องจากอาจเป็นการล่วงล้ำอธิปไตยของประเทศ ประกอบกับที่ผ่านมาตำรวจทั้งสองชาติ ก็มีการทำงานร่วมกันอยู่แล้ว
จากกระแสดราม่าที่เกิดขึ้น เดือดร้อนถึงรัฐบาลที่ต้องออกมาชี้แจงเป็นการเร่งด่วนผ่านนายชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาล ที่ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยคิดจะนำตำรวจจีนเข้ามาลาดตระเวนในประเทศไทย แต่เป็นเพียงแค่การทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานปราบปรามการก่ออาชญากรรมเท่านั้น จึงขอให้หลายฝ่ายที่เข้าใจผิด เลิกบิดเบือนสร้างความสับสนให้กับประชาชน
ในเรื่องนี้ย้อนกลับไปดูที่ประเทศอิตาลีที่เคยมีข้อตกลงให้ตำรวจจีนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ โดยได้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 เพราะต้องการสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักมากขึ้น หลังจากได้รับนักท่องเที่ยวจีนในประเทศอิตาลีลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์ความรุนแรงในกรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม ในภาพรวมของโครงการนี้ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เพราะช่วยให้อิตาลีมีนักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือของทั้งสองประเทศในด้านนี้ต้องยุติลงเมื่อปี 2565 ภายหลังมีกลุ่มรณรงค์เรียกร้องสิทธิมนุษยชนในนาม Safeguard Defenders ออกมาระบุว่ามีการตั้งสถานีตำรวจลับของจีนในประเทศอิตาลีเพิ่มขึ้น แต่กระทรวงมหาดไทยอิตาลี ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องสถานีตำรวจลับ โดยอ้างว่าเหตุที่ต้องยกเลิกความร่วมมือเป็นเพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด 2019
ถึงที่สุดแล้ว ความร่วมมือระหว่างตำรวจไทยกับตำรวจจีนในมิตินี้คงไม่มีทางเกิดได้อย่างแน่นอน เพราะนายกรัฐมนตรีได้ออกมาปฏิเสธเสียงแข็งอย่างเป็นทางการแล้ว โดยยีนยันว่าไม่เคยมีแนวคิดจะให้ตำรวจจีนเข้ามาปฏิบัติการในประเทศไทย เพียงแต่จะทำหน้าที่เฉพาะการประสานงานข้อมูลระหว่างกันเพื่อปราบปรามกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เข้ามาก่ออาชญากรรมในไทยเท่านั้น
เป็นอันว่าจบดราม่าเรื่องตำรวจีนอย่างเป็นทางการ แต่กว่าจะจบได้เล่นเอารัฐบาลต้องออกแรงกันพอสมควรเนื่องจากเรื่องทำนองนี้ อย่าว่าแต่ทำไม่ได้เลย …แค่คิดก็ผิดแล้ว
--------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1