xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มเหยื่อสาว ร้อง “บิ๊กโจ๊ก” ถูกลวงสมัครทำงาน ตปท.ค้ากาม และเปิดบัญชีม้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



มูลนิธิปวีณาฯ พากลุ่มสาวผู้เสียหายร้อง รอง ผบ.ตร. ช่วยติดตามจับกุมขบวนการหลอกจ่ายเงินสมัครทำงานต่างประเทศ ค้าประเวณี และเปิดบัญชีม้า

วันนี้ (14 พ.ย.) ที่ สโมสรตำรวจ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาผู้เสียหาย 3 เคส เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อขอความช่วยเหลือติดตามจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ และผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยเคสที่แรก หญิงสาว 3 ราย อายุ 22 ปี 35 ปี และ 41 ปี ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา โดยหญิงสาวอายุ 22 ปี เห็นโฆษณาในติ๊กต็อกชักชวนไปเที่ยวเชียงตุง ค่าใช้จ่าย 8 พันบาท รวมที่พักเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน จึงหลงเชื่อ แต่เมื่อเดินทางไปกลับถูกกักขัง บังคับค้าประเวณีที่เมืองป๊อก ส่วนหญิงสาวอายุ 35 ปี และ 41 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนกัน ทำงานบัญชี มีเพื่อนชักชวนไปเที่ยวเชียงตุง เมื่อเดินทางไปถึงก็ถูกกักขัง บังคับค้าประเวณี ที่เมืองป๊อกเช่นกัน โดยทั้ง 3 คน มีญาติเข้าร้องมูลนิธิปวีณาฯ ช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

โดย นางปวีณา ประสานกระทรวงการต่างประเทศ สถานทูตไทยในเมียนมา ตำรวจเมียนมาให้การช่วยเหลือบุกไปเอาตัวมาได้ก่อนจะให้รอการส่งกลับ แต่ทั้ง 3 คน ทนรอไม่ไหวหนีออกมาเจอรถรับจ้างจับไปในป่าเรียกค่าไถ่ 5 ล้านบาท ซ้อมทำร้ายอยู่ 5 วัน จากนั้นหนีออกมาได้ ก่อนมีครูบนดอยพาแจ้งความ กลับถูกตำรวจเมียนมาจับคุมขังนาน 3 เดือน เพราะถูกยึดพาสปอร์ต บัตรประชาชน และเอกสารทั้งหมด ก่อนจะส่งกลับมาทางด่านแม่สาย จ.เชียงราย ในวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีนางปวีณาไปรับ และ สภ.เชียงราย และ พม. มีการสอบปากคำคัดแยกเหยื่อ ก่อนที่ นางปวีณา จะรับทั้ง 3 คนเข้าอยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ

เคสที่สอง ผู้เสียหาย 25 ราย จากจังหวัดต่างๆ อาทิ หนองคาย บึงกาฬ สมุทรปราการ ชลบุรี ถูกนายหน้าสองสามีภรรยาหลอกจะพาไปทำงานด้านการเกษตร ที่ประเทศออสเตรเลีย หลังจ่ายเงินไปล่วงหน้ากันคนละ 2-8 หมื่นบาท เวลาผ่านนาน 7 เดือนแล้วยังไม่ได้เดินทางไป และสองสามีภรรยากลับหนีหาย ทำให้ต้องเป็นหนี้เป็นสินเดือดร้อน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1.3 ล้านบาท ขอช่วยติดตามตัวสองสามีภรรยามาดำเนินคดี

และเคสที่สุดท้าย ผู้เสียหาย 10 ราย เจอโฆษณาชักชวนในโซเชียลให้ไปทำงานแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จะมีรายได้เดือนละ 35,000-45,000 บาท โดยก่อนเดินทางไปให้เปิดบัญชีธนาคาร จะให้เพิ่มบัญชีละ 5,000 บาท เมื่อหลงเชื่อเดินทางไป กลับถูกกักขังในห้องแคบๆ ที่มีคนอยู่รวมกันประมาณ 15-16 คน ยึดพลาสปอร์ต โทรศัพท์มือถือ ซิมโทรศัพท์ บังคับให้สแกนใบหน้าแอปพลิเคชันธนาคารเวลามีเงินโอนเข้ามาทุกวัน วันละประมาณ 5 แสน ถึง 2 ล้านบาท ประมาณ 15-30 วัน พอธนาคารรู้สึกผิดปกติบัญชีก็ถูกอายัด แต่ก็ถูกบังคับให้โทรศัพท์ไปปลดการอายัด จากนั้นส่งตัวกลับไทยโดยข่มขู่ห้ามแจ้งความ มิฉะนั้น จะส่งคนมาฆ่าให้ตาย ห้ามถ่ายรูป และจับล้างเครื่องก่อนส่งกลับ ใครแอบถ่ายรูปจะถูกจับเอาไฟฟ้าช็อต ทุบตี จนเขียวไปทั้งตัว หลายคนกลับมาถึงเจอหมายเรียกตำรวจ ตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงเงินจำนวนมาก บางคนกว่า 1 ล้านบาท

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จะรับเรื่องจากท่านปวีณาไว้ทั้งหมด และจะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทุกคน โดยจะให้ตำรวจ ปคม.มารับเรื่องสอบสวนผู้เสียหายเพื่อเร่งออกหมายจับผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี อย่างกรณีหลอกไปบังคับค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา จะออกหมายจับทั้งขบวนการที่อยู่ทั้งในประเทศและในเมียนมา ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเรามีความสัมพันธ์กับ ผบ.ตร.เมียนมา ในการกวาดล้างผู้กระทำผิดอยู่แล้ว และอีก 2 เคส ก็เช่นกันจะต้องเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว

ทั้งนี้ ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อโฆษณาในโซเชียลที่มาในแบบชวนท่องเที่ยว หรือชวนไปทำงาน ของฟรี งานดี รายได้สูงไม่มีอยู่จริง ควรจะตรวจสอบให้ดีก่อน และหากคิดจะไปทำงานที่เมียนมาอย่าไปทำงานในลักษณะแบบนี้ ทั้งค้าประเวณี และคอลเซ็นเตอร์ อย่างที่เล้าก์ก่ายที่เรากำลังจะช่วยเหลือกลับมาจากทีแรกมีประมาณ 100 กว่าคน แต่ตอนนี้เพิ่มเป็น 300 กว่าคนแล้ว ซึ่งเมียนมามีการสู้รบ ในการช่วยเหลือจึงเป็นเรื่องยาก ตอนนี้กำลังมีแนวคิดที่จะสร้างแพลตฟอร์มในการประชาสัมพันธ์เตือนประชาขนอย่าหลงเชื่อโฆษณาในโซเชียลก่อนจะตกเป็นเหยื่อ หรือหากท่านใดต้องการตรวจสอบข้อมูลก็สามารถโทร.สอบถามกับตำรวจได้โดยตรง


กำลังโหลดความคิดเห็น