xs
xsm
sm
md
lg

ศาลพิพากษา “เบนจา” ผิด ม.112 - ฝ่าพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯจำคุก 2 ปี 8 เดือนจำเลยทำผิดระหว่างศึกษารอลงอาญา 2 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม




ศาลอาญากรุงเทพใต้สั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน "เบนจา" ปราศรัย-อ่านแถลงการณ์แนวร่วมธรรมศาสตร์ ฉบับที่ 2 หน้าบริษัทซิโน-ไทย ระหว่างกิจกรรม ‘คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช’ เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2564 แต่ศาลยังให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี เพื่อเรียนหนังสือ จึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี


เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (30 ต.ค.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบันหมายเลขดำ อ.1974/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.“เบนจา อะปัญ” นักกิจกรรมทางการเมือง กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ และนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

กรณีเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2564 น.ส.เบนจาปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ประกาศแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 2 ที่หน้าบริษัทซิโน-ไทย ในระหว่างกิจกรรม “คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช”

จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างแล้ว  พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 มาตรา 9 , 18 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท จำคุก 3 ปี ฐานร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าคนในเขตพื้นที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดและร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีระวางโทษเท่ากัน จึงให้โทษฐานร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าคนในเขตพื้นที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำคุก 1 ปีและปรับ 12,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละหนึ่งในสาม คงจำคุกฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ มีกำหนด 2 ปี ฐานร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าคนในเขตพื้นที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มีกำหนด 8 เดือน และปรับ 8,000 บาท พิเคราะห์เห็นว่า ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยกระทำความผิดขณะอายุ 22 ปี ซึ่งถือว่าอายุยังน้อย อาจมีความคึกคะนองโดยยังขาดความรู้ ขาดประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตและขาดวิจารณญาณไตร่ตรองถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำของตน ทั้งปัจจุบันจำเลยศึกษาอยู่ในระดับชั้นอุดมศึกษา ยังอยู่ในวิสัยที่จำเลยจะกลับตนเป็นพลเมืองดีได้ และการจับกุมจำเลยในคดีนี้น่าจะทำให้จำเลยสำนึกผิดต่อการกระทำและเข็ดหลาบแล้ว การจำคุกจำเลยในระยะสั้นนั้นไม่เป็นผลดีกับจำเลย จึงเห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี  หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้มีกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ได้เดินทางมารอให้กำลังใจน.ส.เบนจา อะปัญ นักกิจกรรมและนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังศาลนัดอ่านคดพิพากษา
ขณะที่ น.ส.เบนจา ได้เดินทางมาถึงศาล พร้อมกล่าวว่า ตอนนี้กำลังใจของตนยังดี และพยายามจะคลายความกังวลออกไป เพราะอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ขอให้ไม่เป็นไปตามที่หวัง ต้องรับสภาพ และเดินหน้าสู้ต่อไป

เมื่อถามว่า แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลเป็นชุดใหม่แล้ว แต่นักกิจกรรมที่ยังถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 นั้น น.ส.เบนจากล่าวว่า คดีเหล่านี้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงยุครัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ซึ่งแม้เราจะมีรัฐบาลใหม่แล้วก็ตาม แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าคดีเหล่านี้เกิดขึ้นในรัฐบาลปัจจุบัน เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่ตนคิดว่าในรัฐบาลนี้ จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ คือ หาจุดตรงกลางที่จะให้ผ่านจากเรื่องนี้ไปได้อย่างไร เพราะในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีผู้ถูกดำเนินคดีใน คดี มาตรา112 เยอะ และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลเก่า ที่ในวันนี้เป็นคดีสะสมสำหรับหลายๆ คน รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้อย่างไรต่อ และขอให้จับตาดู
เมื่อถามถึงกำลังใจหลังจากที่ทนายอานนท์ นำภา และนักกิจกรรมคนอื่นๆถูกดำเนินคดี มาตรา 112 ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาน.ส.เบนจา ยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมา ก็มีบ้างที่กำลังใจลดลง เพราะก่อนหน้านี้การเคลื่อนไหวแผ่วลงไป แต่เข้าใจบริบทของสังคมทุกวันนี้เป็นการเคลื่อนไหวในรูปแบบของรัฐสภา ซึ่งตนมองว่า ต่อให้ดำเนินคดีกับพวกเราไปจนสุดทาง แต่คนที่เปลี่ยนไปแล้วก็เปลี่ยน การที่เอาเราไปขังคุก และตัดสินคดีจำคุกไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้ทำให้สังคมนี้กลับไปอยู่จุดเดิม

น.ส.เบนจา ยังกล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นเพียงแค่อีกหนึ่งเรื่องที่จะต้องต่อสู้และผ่านไปให้ได้ ส่วนตอนนี้ตนมีคดีตนมีคดีรอการพิพากษาอยู่ 8 คดีซึ่งเป็นคดีในมาตรา 112 ทั้งหมด หากวันนี้ได้รับการปล่อยตัวตนจะกลับไปเรียนหนังสือต่อเพราะเหลือเวลาอีกกว่า 1 ปี






















กำลังโหลดความคิดเห็น