“ศรีริต้า” ดาราสาวปล่อยโฮ ได้รับความยุติธรรม หลังศาลสั่งจำคุก 12 เดือน ปรับ 6 หมื่น และให้ชดใช้ค่าเสียหายอีก 1 แสน หนุ่มคึกคะนองแชร์คลิปตัดต่ออนาจาร แต่ให้รอลงอาญา
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (25 ต.ค.) ศาลอาญาอ่านคำพิพากษา คดีที่ น.ส.ศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช ดาราสาวชื่อดัง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องหนุ่มแชร์คลิปตัดต่ออนาจารในสื่อออนไลน์ เป็นเหตุให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ก.ค 2564
โดยวันนี้ น.ส.ศรีริต้า โจทก์ เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมด้วย นายกรณ์ ณรงค์เดช สามี และ น.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ หรือ ทนายนิด้า
น.ส.ศรันยา หรือ ทนายนิด้า กล่าวว่า ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(4)(5) ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท, ความผิดหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท และ ทำให้ได้รับความอับอายความผิดละหุโทษ มาตรา 397 ลงโทษปรับ 1,000 บาท รวมโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 121,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 12 เดือน ปรับ 60,500 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี เนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำความผิด และได้วางเงินชดใช้ค่าเสียหายก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา โดยให้รายงานตัวพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ใน 1 ปี ทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมง และให้จำเลยลบ ทำลาย ข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ให้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 15 วัน และโพสต์คำขออภัยลงในเฟซบุ๊กเป็นเวลา 30 วัน พร้อมกับให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
น.ส.ศรันยา หรือ ทนายนิด้า กล่าวต่อว่า จำเลยส่งต่อข้อมูลลามกอนาจาร ซึ่งไม่ได้เป็นคนตัดต่อคลิปขึ้นมาเอง หากใครติดตามจะทราบว่าคุณศรีริต้าถูกกล่าวหาว่าไปปรากฏอยู่ในคลิปลามกอนาจาร ทั้งๆ ที่ปฏิเสธมาตลอดว่าเป็นคลิปตัดต่อไม่ใช่คุณศรีริต้า แต่จำเลยยังส่งต่อคลิปถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกัน
“จากการพูดคุย อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ ทำไปด้วยความคึกคะนอง เมื่อได้รับหมายศาลก็สลดกันทุกคน ตนเองอยากให้คนที่ทำแบบนี้ตระหนักได้แล้ว อย่างคุณริต้าเองวันนี้ที่ต้องมาศาลก็ต้องเสียทั้งเวลาทั้งเงิน แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ”
ด้าน น.ส.ศรีริต้า เจนเซ่น กล่าวว่า ขอบคุณผู้พิพากษา และทนายนิด้า ที่ทำให้ตนเองได้รับความเป็นธรรม ยอมรับว่า ตนเองลำบากใจ เพราะไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ได้ทำด้วยความโกรธแค้น แต่ตนเองไม่สามารถเพิกเฉยได้จึงตัดสินใจดำเนินคดี เพื่อปกป้องชื่อเสียงศักดิ์ศรีของตัวเอง ครอบครัว โดยเฉพาะลูก ตนเองไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริงที่เข้ามาบั่นทอนชีวิตของตนเองและชื่อเสียง อยากให้เรื่องนี้เป็นกรณีตัวอย่าง เป็นบทเรียนว่า การกระทำแบบนี้สามารถเข้าไปทำลายชีวิตคนอื่นได้จริงๆ อยากให้คิดก่อนทำ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจหรือด้วยความคึกคะนองอะไรก็ตาม อยากให้ฉุกคิดว่ามันจะไปสร้างผลกระทบต่อชีวิตคนอื่น และทำลายชีวิตใครหลายๆ คนตามที่เราเห็นข่าวทุกวันนี้จากอาชญากรรมไซเบอร์ อยากให้สังคมรู้ว่าบ้านเมืองมีกฎหมายมีศาล จึงยิ่งทำให้ตนเองไม่สามารถเพิกเฉยกับเรื่องดังกล่าวได้จริงๆ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นคนตัดต่อ แต่วันนี้รู้ว่าใครเป็นคนแชร์คลิป ทั้งที่ปฏิเสธแล้วว่าไม่ใช่ตนเองแต่ก็ยังแชร์คลิปอยู่
ขณะที่ นายกรณ์ ณรงค์เดช สามีดาราสาว กล่าวว่า วันนี้ดีใจกับภรรยาและขอบคุณกระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นสิ่งที่ภรรยาทุกข์ใจหนักใจมาโดยตลอด หากหลายคนจำได้ตอนที่เกิดเรื่อง ภรรยากำลังตั้งท้อง กระทบจิตใจอย่างรุนแรง และตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการวางตัวดีมาตลอดไม่เคยมีข่าวเสื่อมเสียใดๆ วันนี้จะได้เคลียร์ให้ชัดว่าผู้หญิงที่อยู่ในคลิปเป็นการตัดต่อไม่ใช่ภรรยา และถือว่าได้เคลียร์ชื่อเสียง 100% เปอร์เซ็นต์