xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : รัฐบาลเดินหน้า ฝ่ากระแสต้าน แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม 2566 ตอน รัฐบาลเดินหน้า ฝ่ากระแสต้าน แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น



กลายเป็นว่า เวลานี้รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำลังตกเป็นเป้าวิจารณ์วิพากษ์พอสมควร ภายหลังยังยืนยันประกาศเดินหน้านโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท แม้ว่าจะมีเสียงท้วงติงเพื่อขอให้ทบทวนนโยบายด้งกล่าวจากกลุ่มต่างๆก็ตาม โดยเฉพาะการออกแถลงการณ์ของนักวิชาการและคณาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์รวมกัน 99 คน

ท่ามกลางเสียงท้วงติงที่มีต่อนโยบายเงินดิจิทัลนั้น ในอีกด้านหนึ่งก็มีกลุ่มคนที่ออกมาสนับสนุนเช่นกัน โดยหลายฝ่ายเริ่มมีการออกวิเคราะห์ถึงเหตุผลที่ควรดำเนินนโยบายที่ว่านี้อย่างน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะมองต่างมุมว่า โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท แตกต่างจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการแจกเงินให้กับประชาชนของหลายรัฐบาลที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด

โดยรัฐบาลในอดีต แจกและให้เงินสดถึงมือประชาชนโดยตรง ให้แล้วก็ไม่สามารถติดตามตรวจสอบได้ว่าได้ผลลัพธ์กลับมาอย่างไร แต่สำหรับเงินดิจิทัลที่รัฐบาลชุดปัจจุบันเตรียมไว้นั้นจะเป็นการใช้เงินในรูปแบบเหรียญดิจิทัล หรือ โทเคน ซึ่งมีความคล่องตัวและการตรวจสอบการใช้เงินดังกล่าวได้ง่ายกว่าวิธีแจกเป็นเงินเข้าบัญชีเงินฝากประชาชน

เนื่องจากการใช้เหรียญโทเคนจะสามารถกำหนดเงื่อนไขและขีดเส้นพื้นที่การใช้เหรียญได้ดีกว่ารูปแบบอื่นผ่านระบบบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งจะสอดรับกับแนวทางของรัฐบาลที่ต้องการให้เงินจำนวนนี้แก่ประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปแบบถ้วนหน้า ภายใต้พื้นที่ของการใช้เหรียญที่รัฐบาลเตรียมตีกรอบเอาไว้ ซึ่งคาดว่าจะให้ใช้เงินนี้ได้เฉพาะในพื้นที่ของแต่ละอำเภอเท่านั้น เพื่อให้เงินที่จะใช้จ่ายออกไปนั้นถึงมือผู้ประกอบการรายย่อย หรือรายเล็กอย่างแท้จริง

ขณะเดียวกัน ในส่วนทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลก็กำลังเตรียมแผนการดำเนินนโยบาย ซึ่งมีความคืบหน้าไปพอสมควร พร้อมกับจัดทำข้อมูลเพื่อชี้แจงเพื่อแก้ข้อกล่าวหาจากฝ่ายตรงข้าม โดยในประเด็นสำคัญที่ถูกตั้งคำถามมาตลอดอย่างแหล่งที่มาของเงินในการใช้สำหรับนโยบายนี้จะมาจากที่ไหน ซึ่งข้อมูลจากทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยเริ่มมีการเปิดเผยออกมาว่า

แหล่งที่มาของเงินที่ใช้สำหรับโครงการหนึ่งหมื่นบาทดิจิตอล รัฐบาลเตรียมการไว้พร้อมสรรพแล้ว โดยในระยะแรกจะใช้เงินที่มีอยู่ ที่เรียกว่าเงินค้างท่อ
มาขับเคลื่อน และถ้าหากต้องกู้เงินในการดำเนินนโยบายในครั้งนี้ จะยังกู้เงินได้อีก เพราะยังไม่เกินกรอบเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพีที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่เกิน 70% ต่อจีดีพี ซึ่งปัจจุบันหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ประมาณ 61% เท่านั้น ถือว่ายังเป็นกรอบเพดานที่เปิดช่องให้รัฐบาลสามารถกู้เงินมาใช้ได้

หากรัฐบาลสร้างหนี้เพิ่มอีก2-3 แสนล้านบาทกับโครงการนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์บางคนสรุปว่า ก็ยังไม่ทำให้เกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ยังมีการประเมินกันอีกว่าหากเดินหน้านโยบายนี้ได้เมื่อไหรจะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยเฉพาะจะเกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 3 รอบกว่า ทำให้เงินของโครงการที่มีอยู่ 560,000 ล้านบาทกลายเป็นประมาณ 1,500,000 ล้านบาท

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการทวีคูณในทางเศรษฐกิจในระดับนี้ มาจากการประเมินว่าภายใต้เงื่อนไขของการใช้จ่ายเหรียญดิจิทัลที่กำหนดให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการต้องมีการใช้จ่ายเหรียญดิจิทัลที่ได้รับมาจากประชาชนในตอนแรกออกไปเป็นทอดๆก่อน ถึงจะสามารถเบิกออกมาเป็นเงินสดได้

จะทำให้เป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดการหมุนได้เร็วมากขึ้น อันจะนำมาซึ่งบรรยากาศในทางเศรษฐกิจที่ดีและกระตุ้นการใช้จ่ายทำให้ภาครัฐมีรายได้เป็นภาษีเพิ่มมากขึ้น เพราะเงินดิจิตอลจะกำหนดให้ซื้อของอุปโภคและบริโภคเท่านั้น จะใช้ซื้อเหล้าสุราบุหรี่ไม่ได้ รวมทั้งสินค้าบริการเช่นค่าห้องพักโรงแรมหรือรีสอร์ตก็ไม่ได้

มุมมองต่อนโยบายเงินดิจิตอลของรัฐบาลเศรษฐาความคิดเห็นหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือ ความคิดเห็นจากนายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคินภัทร ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ออกมาสนับสนุนให้รัฐบาลดำเนินนโยบายนี้

โดยสรุปพอสังเขปได้ว่าโครงการนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่ถึงขนาดทำให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดวิกฤต อีกทั้งไม่มีผลกระทบต่อสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าในอนาคตหนี้สาธารณะมีแนวโน้มจะลดลง

และที่สำคัญเวลานี้ควรให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาและภาระหนี้ของประชาชนที่เพิ่มขึ้น ภายหลังธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศขึ้นดอกเบี้ย ทั้งที่เงินเฟ้อลดลง

ที่สุดแล้ว นโยบายนี้แม้จะมีเสียงท้วงติงที่รัฐบาลจำเป็นต้องรับฟัง แต่ในมุมหนึ่งรัฐบาลก็มิอาจละเลยความเดือดร้อนของประชาชนที่มีอยู่ตรงหน้าได้ โดยเฉพาะปัญหาสภาพคล่องของประชาชน จึงเป็นโจทย์สำคัญที่ท้าทายรัฐบาลนายเศรษฐาอย่างมีนัยสำคัญกันเลยทีเดียว

--------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 eบาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )

ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น