เพจสายไหมต้องรอดพาเยาวชนอายุ 18 ปี พนักงานพาร์ตไทม์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง ภายในโรงพยาบาล ย่านสุขุมวิท เข้าาพบ ผกก.สน.ลุมพินี ติดตามคืบหน้าคดีถูกชายต่างชาติ ข่มขืนอนาจาร
วันนี้ (10 ต.ค.) ที่สน.ลุมพินี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหาย เป็นเยาวชนชาย อายุ 18 ปี พนักงานพาร์ตไทม์ของร้านขายอาหารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง ภายในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านสุขุมวิท เข้าพบ พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก. สน.ลุมพินี เพื่อติดตามคดีหลังหลังถูกชายชาวต่างชาติ (แขกขาว) ทำอนาจารและข่มขืน
นาย เอ (นามสมมุติ ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.00 ของวันที่ 6 ต.ค.ที่ผาานมา ขณะที่ตนกำลังปิดร้าน พร้อมกับเพื่อนพนักงาน ก็มีผู้ก่อเหตุได้เดินเข้ามาทำทีขอซื้ออาหาร ตนเองจึงตอบกลับไปว่า ร้านปิดแล้ว แต่ก็พยายามตื้ออยู่ประมาณ 2-3 ครั้ง จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ถามทางไปห้องน้ำ ซึ่งเป็นจังหวะที่ผู้เสียหายจะเดินไปล้างมือและไปปัสสาวะพอดี จึงพาเดินไปเข้าห้องน้ำ เพราะตอนนั้นก็มองว่าเป็นลูกค้าของร้าน
แต่เมื่อไปถึงห้องน้ำผู้เสียหายก็ยืนทำธุระส่วนตัวที่โถปัสสาวะ ส่วนผู้ก่อเหตุเข้าไปในห้องน้ำห้องสุดท้าย และเมื่อตนเองกำลังจะทำธุระเสร็จ แต่ยังไม่ทันใส่กางเกงเรียบร้อยดี จู่ๆผู้ก่อเหตุก็เข้ามากระชากตนเองจากด้านหลังเข้าไปในห้องน้ำ
ขณะนั้น ตนเองตกใจมากพยายามขัดขืนต่อสู้ประมาณ 5 นาที พร้อมร้องสุดเสียงขอให้คนช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครมาช่วย ประกอบกับผู้ก่อเหตุได้ตะคอกให้ตนเองเงียบ และบีบคอและกดตัวของผู้เสียหายให้ต่ำกว่าตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมกับบังคับให้ตนเองใช้ปากเพื่อสำเร็จความใคร่แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอม จึงถูกบังคับและข่มขืนจากทางด้านหลัง จนผู้ก่อเหตุสำเร็จความใคร่ ก่อนจะวิ่งหนีออกไปจากห้องน้ำ
โดยหลังจากเกิดเหตุตนเองก็วิ่งหนีออกไปยังร้าน แต่ก็ไม่กล้าบอกเพื่อนเพราะรู้สึกกลัวและอาย แต่จากนั้นไม่นานผู้ก่อเหตุได้เดินตามมาที่หน้าร้านด้วยท่าทีที่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมกับมาถามหน้าร้านอีกครั้งว่า “ร้านปิดแล้วหรือยัง“ ก่อนจะเดินออกจากโรงพยาบาลไป
ทั้งนี้ผู้เสียหายยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักทหรือเห็นหน้ามาก่อนแน่นอน ซึ่งบุคคลอื่น ที่ไม่ใช่ผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยสามารถเข้าไปซื้อของในโรงพยาบาลได้ตามปกติ พร้อมยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองรู้สึกตกใจและกลัวมากเพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิต
ด้านนายเอกภพ กล่าวว่า เบื้องต้นหลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ลุมพินี แต่ทางตำรวจบอกว่าต้องรอผลการตรวจร่างกายประมาณ 1-2เดือน ถึงจะมีการสอบปากคำเพิ่มซึ่งทางพ่อของผู้เสียหายก็มีความกังวลว่าผู้ก่อเหตุอาจจะหลบหนีไปก่อนตำรวจดำเนินคดี จึงเข้าขอความช่วยเหลือ เพจสายไหมต้องรอดให้เข้ามาช่วยติดตามความคืบหน้าคดี
เบื้องต้นจากการสอบถาม ผกก.สน.ลุมพินี บอกว่าเรื่องระยะเวลาการสอบปากคำ ที่แจ้งว่าใช้เวลารอผลการตรวจร่างกาย 1-2เดือน เป็นการสื่อสารผิดพลาด ซึ่งเบื้องต้นล่าสุดได้แจ้งพนักงานสอบสวนให้กำหนดวันเรียกตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำแล้ว ขณะที่เรื่องที่มีตำรวจบางนายพูดกับผู้เสียหายลักษณะที่กล่าวหาว่าอาจมีการสมยอม ในส่วนนี้ทาง ผกก.สน.ลุมพินีก็จะตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป