“พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” มอบงาน รอง ผบ.ตร.ให้อาวุโสสูงสุดเลือกก่อน อยากทำสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นบ้าน ยันไม่มีความขัดแย้งในองค์กรเป็นเพียงการมโน ไม่เคยยิงใครข้างหลัง เวลาทำงานหายไปแล้ว 2 วัน ประชาชนรอไม่ได้
วันนี้ (2 ต.ค.) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้เปิดใจครั้งแรกหลังจากรับตำแหน่ง “ผบ.ตร.” คนที่ 14 ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย ช่วงตอนหนึ่งว่า โจทย์แรกจัดวาง “รอง ผบ.ตร.” ควบคุมหน้างานต่างๆและการแต่งตั้งโยกย้ายให้เป็นระบบคุณธรรม เป็นโจทย์แรกที่เราต้องเร่งทำก่อน อยากทำสำนักงานตำรวจให้เป็นบ้าน เพราะเคยบอกกับน้องๆ คำว่า “โฮม กับ เฮาส์” 2 อย่างมันต่างกัน เวลากลับบ้านถ้าเป็นคำว่าโกแบคเฮาส์ เฮาส์ทำจากอิฐ หิน ปูนเขาเรียกว่าบ้านเหมือนกัน แต่โกแบคโฮมเรากลับบ้านเพราะมีความรักความเข้าใจ อยากสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นโฮม ทุกคนต้องช่วยกัน ผมคนเดียวทำไม่ได้ทุกคนต้องช่วยกัน โดยผมจะใช้คำแทนตัวว่า “พี่” ผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “น้อง” โดยต้องเริ่มที่ผู้บังคับบัญชาเป็นตัวอย่างที่ดีนำพาองค์กรไปให้ได้
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังกล่าวถึงการจัดวางหน้างานในระดับ รอง ผบ.ตร. ที่สังคมสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ โดยเฉพาะ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พล.ต.อ.รอย ยังคงเป็น รอง ผบ.ตร.อยู่ว่า กำลังทำอยู่ให้คอยดูจะได้รู้ว่าไม่มีเหตุอะไรที่จะมากระทบอะไรกันเลย เป็นความเข้าใจความมโนของคน ตอนนี้กำลังจัดเพราะว่ามันจะมีผลถ้าเราไม่เอาผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นมาจะมีปัญหาบอร์ดไม่ครบที่จะพิจารณาระดับ ผบช.จะทำ ผบช.ให้เสร็จก่อนเพื่อให้ไปเลือกผู้การระดับ บช.ขึ้นมา ทุกอย่างมีบอร์ดหมด บอร์ดใหญ่จะมี ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านเป็นที่ปรึกษา ป้องกันการร้องเรียน ตอนนี้เราวาวงไว้หมดแล้ว เพราะมีเวลาน้อยปกติเรื่องวางการแต่งตั้งจะเสร็จไปหมด
ส่วนเรื่องการแบ่งงาน รอง ผบ.ตร.ต้องตามอาวุโสให้เลือกก่อน ให้คนที่มีอาวุโสเลือกก่อนเลย โดยให้ พล.ต.อ.รอย อาวุโสอันดับหนึ่งเลือกก่อน ต่อด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทุกคนมีการพูดคุยกัน จริงๆ ไม่อยากให้ภาพมันออกไป พี่น้องคุยกันหมดไม่ใช่ว่าต้องเอาภาพออกไปทั้งหมด ทุกคนคุยกันทำงานเพื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมมีเวลาปีเดียวหายไป 2 วันแล้ว เหลือเพียง 363 วัน พี่น้องประชาชนรอไม่ได้ ตำรวจจะมาทะเลาะกันประชาชนเขาไม่รอ ตำรวจมดงานก็รอความหวังจาก ผบ.ตร. ทุกคนคาดหวังหมดผมต้องเร่งทำไม่ได้หยุด ขอให้เราได้ทำงานก่อน จะบอกดีไม่ดีขอเวลานิดหนึ่ง
เช่นเดียวกันกับ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่อาวุโสสูงสุดจะเอาขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ เดียวจะออกคำสั่งให้มาปฏิบัติกำหนดหน้างานให้เลย มันรอไม่ได้ ส่วนผู้ช่วยที่เหลือก็จะมาช่วย รอง ผบ.ตร.แต่ละหน้างาน โดยเลือกคนที่จะมาทำงานมีองค์ความรู้ ทำงานได้
เมื่อถามถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ยังดำเนินการต่อหรือไม่ ผบ.ตร. ระบุว่า ยังต้องทำอยู่ ต้องเข้าใจว่า การที่จะมาออกข่าวอย่างโน้นอย่างนี้ทำให้คนมโนองค์กรเสียหาย คดีไปตามพยานหลักฐานพลิกแพรงไม่ได้ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย การแถลงข่าวตอบโต้มันไม่ใช่แล้วคนก็ไปมโนต่างๆ นานา พยานหลักฐานคือสิ่งสำคัญที่สุด
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังแจงถึงหน่วยคอนมานโดพร้อมอาวุธครบมือที่เข้าตรวจค้นบ้านพัก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่า การขอกำลังวันนั้นเป็นชุด PCT เป็นแม่งาน อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องของ ตร. วันนั้นผมเข้าเวรราชองครักษ์อยู่ ไม่ได้รู้เรื่องเลย รองสุรเชษฐ์ ก็โทร.มาผมยังงอยู่ว่าเรื่องอะไร ผมก็คุยกันไม่รู้จริง ผมก็เช็กให้ เราคุยกันหมดเราอยู่กันแบบพี่น้อง
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังกล่าวถึงภาพถ่ายคู่กันกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่า ผมได้เรียกมาคุยว่ามันเรื่องอะไร และรับนโยบายจากนายกฯมาด้วย อยากเห็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ใช่ภาพผู้บังคับบัญชาทะเลาะกันแล้วเด็กจะมีกำลังใจอย่างไร เราไม่ได้ทะเลาะกัน แต่คนมอง จริงๆ แล้วเราไม่ได้ทะเลาะกันด้วยซ้ำ แต่มีคนไม่หวังดีเสี้ยมหรือเปล่า เชื่อว่า ทุกอย่างจบลงด้วยการพูดคุย มันเป็นจังหวะที่คดีต่างๆ มาพรั่งพรูกันในช่วงนี้ คนจับโน้นโยงนี้ ภาพคู่แบบนี้มันสร้างกันไม่ได้ ถ้าคนทะเลาะกันเรียกมาผมก็ไม่ไป นายกฯไม่ได้สั่งให้ไปดีกัน
ผบ.ตร. ยังกล่าวถึงการพูดคุยกันกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่า ในชีวิตผม ผมเคยบอกโจ๊กไว้เสมอว่า “ถ้าขาดจากพี่ไปแล้วเอ็งหาคนที่จริงใจกับเอ็งแบบพี่ไม่ได้” ผมเป็นคนจริงใจ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม กระสุนไม่เคยยิงใครข้างหลัง ถ้าเอาก็เอากันซึ่งหน้า ทุกอย่างมันต้องแก้ที่ต้นเหตุ กาลเวลามีอะไรเข้ามาในชีวิตต้องมีสติ ที่ผมไปปฏิบัติธรรม ทำให้ครองสติได้ แก้ปัญหาด้วยปัญญา แต่ถ้าขาดสติจะแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ ที่มีปัญหาอยู่ทุกวันนี้เพราะแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ ปัญหายิ่งเพิ่มพูน ผมโดนอะไรมาเยอะ แต่ผมนิ่ง เวลาไม่มีปากให้เวลาเป็นตัวเล่าดีกว่า