MGR Online - ดีเอสไอ ร่วม ปศุสัตว์ ศุลกากร เผาทำลายของกลางซากสุกรเถื่อน 161 ตู้ เน่าแล้ว 7 ตู้ โดยวิธีเผาทำลาย ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ก่อนทยอยฝังกลบ จ.สระแก้ว
วันนี้ (29 ก.ย.) ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มอบหมายให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการพิเศษ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 59/2566 และ ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นำคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่เพื่อส่งมอบ และนำตู้สินค้าประเภทซากสุกรของกลางลักลอบนำเข้า 161 ตู้ ในคดีพิเศษที่ 59/2566 กรณี ขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ไปทำลาย
การส่งมอบซากสุกรของกลางดังกล่าว เป็นไปตามหนังสืออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ด่วนที่สุดที่ ยธ 0827/2617 ลงวันที่ 26 กันยายน 2566 ถึง อธิบดีกรมศุลกากร เรื่อง ขอให้พิจารณาเรื่องการดำเนินการกับวัตถุพยานในคดี กรณี สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ได้ทำการตรวจยึดตู้สินค้า จำนวน 161 ตู้ ที่ทำการตรวจยึดและดำเนินการตามกฎหมายศุลกากรว่าด้วยเรื่องของตกค้างสินค้าประเภทสุกรแช่แข็ง
ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร และกรมปศุสัตว์ ได้ร่วมกันตรวจสอบของกลางดังกล่าว ในระหว่างวันที่ 5 - 14 ก.ค.66 เสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้มีการประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 18 ส.ค.66 ณ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันให้นำของกลางดังกล่าวไปทำลายตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ต่อมา เมื่อวันที่ 27 ก.ย.66 มีการประชุมพิจารณาการทำลายของกลาง (ซากสุกร) ที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ที่ประชุมประกอบด้วย กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยร้อยตำรวจเอก ชาญณรงค์ ทับสาร เลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 59/2566 เป็นผู้แทนคณะฯ เข้าประชุม
ที่ประชุมมีมติให้มีการทำลายซากสุกร นำเข้าจากต่างประเทศ จำนวน 161 ตู้ ในวันที่ 29 ก.ย.66 โดยจะใช้วิธีเผาทำลาย ณ สำนักชลประทานที่ 9 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เบื้องต้นจะเริ่มทำลายครั้งละ 10 ตู้ โดยมี ฯพณฯ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานและร่วมเป็นสักขีพยานในการเผาทำลายของกลางครั้งนี้
สำหรับตู้สุกรแช่แข็งทั้ง 161 ตู้ พบว่ามีตู้เน่าทั้งหมด จำนวน 7 ตู้ ซึ่งจะดำเนินการเคลื่อนย้ายมาเผาทำลายก่อนจำนวน 10 ตู้ จากนั้นจะดำเนินการทำลายตู้สุกรแช่แข็งทั้ง 161 ตู้ โดยเริ่มจากเผาทำลาย 10 ตู้ก่อน มีวิธีการทำลายหลัก คือ การเคลื่อนย้ายไปฝังกลบในจังหวัดสระแก้ว แต่เนื่องจากเป็นช่วงมรสุม อาจจะมีการสลับกับการเผาที่สำนักงานชลประทานที่ 9 จังหวัดชลบุรี ในช่วงที่มีปัญหาฝนตก
พิธีการทำลายของกลางดังกล่าวในครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำลายของกลางครั้งประวัติศาสตร์ ที่มีการทำลายสินค้าลักลอบจำนวนมากถึง 4.5 ล้านกิโลกรัม หรือ 4 พันตัน มูลค่ารวมกว่า 450 ล้านบาท