xs
xsm
sm
md
lg

รวบ 2 หนุ่มเขมร ตระเวนล้วงกระเป๋าแหล่งคนพลุกพล่าน ก่อเหตุมากกว่า 100 ครั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจสืบสวนนครบาลจับกุม 2 ผู้ต้องหาชาวกัมพูชา ตระเวนล้วงกระเป๋าเหยื่อ ตามแหล่งชุมชนที่มีคนพลุกพล่าน ก่อเหตุมามากกว่า 100 ครั้ง

วันนี้ (27 ก.ย.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1 บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บช.น. พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.สมุทรปราการ และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 113 นำกำลังสืบสวนติดตามและจับกุมตัวนายบุญ หรือเจน อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 903/2566 ลงวันที่ 26 กันยายน 2566 และนายจัน หรือยวนอายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา โดยกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ว่า ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ฯ (ล้วงกระเป๋า)” โดยกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

พร้อมตรวจยึดของกลาง ได้แก่ เสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ผู้ถูกจับใช้ในการก่อเหตุ จำนวน 1 ชุด เงินสด จำนวน 30,000 บาท แหวน ลักษณะคล้ายทองคำ จำนวน 1 วง พระเครื่องพร้อมกรอบ ลักษณะคล้ายทองทำ จำนวน 1 องค์ สร้อยคอ ลักษณะคล้ายทองคำจำนวน 1 เส้น และโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ oppo จำนวน 1 เครื่อง รวมถึงของกลางอื่นๆ อาทิ สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ จำนวน 3 เล่ม ตั๋วจำนำทอง จำนวน 5 ใบ และรายการอื่นๆ รวม 22 รายการ โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาสำโรง ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา

โดยพฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและนักท่องเที่ยวผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพออกตระเวนล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์สินพนักงานและนักท่องเที่ยวจำนวนหลายราย ในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ จึงได้สั่งการให้ทำการสืบสวนจนทราบแผนประทุษกรรมของแก๊งนี้ ประกอบด้วยสมาชิกเป็นชาวกัมพูชาประมาณ 4-5 คน ซึ่งพักอาศัยในอพาร์ตเมนต์ย่านสำโรง-เทพารักษ์ จะออกตระเวนก่อเหตุล้วงกระเป๋าเป็นอาชีพตามแหล่งชุมชนที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรพลุกพล่าน

โดยมักจะรวมตัวบริเวณห้างดังย่านสำโรง หรือสี่แยกบางนา แล้วเดินทางโดยใช้รถสาธารณะ เข้าพื้นที่เป้าหมาย บางจุดมีระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร ในย่านธุรกิจสำคัญๆ สับเปลี่ยน หมุนเวียน วันเว้นวัน ไม่ซ้ำเวลา ทั้งในช่วงเช้า (ตั้งแต่ 06.00 น.) จนถึงช่วงค่ำ (24.00 น.) ในย่านสำคัญ อาทิ ย่านสุขุมวิท ซอยนานา, สีลม, สาทร, ตลาดประตูน้ำ, สี่แยกเกษตร ตลอดเส้นจนถึงเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน

โดยมักจะเลือกเหยื่อทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยเน้นสัญชาติ ญี่ปุ่น เกาหลี และสัญชาติจีน เป็นหลัก ไม่เว้นแม้กระทั่งชายและหญิง ที่มีการสะพายกระเป๋าเป้ไว้ทางด้านหลัง ซึ่งวิธีการก่อเหตุของกลุ่มนี้ จะทำงานกันเป็นทีมอย่างน้อย 2 คน จะลงพื้นที่เดินไปมาโดยรอบและติดตามหาเหยื่อ เมื่อพบเป้าหมายก็จะมีการแบ่งหน้าที่กันทำแบบชัดเจน โดยคนหนึ่งจะทำหน้าที่ติดตามสังเกตการณ์ตรวจตราพื้นที่โดยรอบเพื่อรอจังหวะที่จะออกคำสั่งผ่านการโทรศัพท์ในรูปแบบหูฟังไร้สาย (Bluetooth) ไปยังอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เคียงเข้าเดินตามติดผู้เสียหายและเมื่อสบโอกาส คนร้ายจะทำการล้วงกระเป๋าโดยการเปิดซิปเป้สะพายหลังก่อนล้วงเอาทรัพย์สิน โดยอีกคนจะทำหน้าที่เดินบังเพื่อมิให้คนอื่นเห็นพฤติกรรมการก่อเหตุ เมื่อได้ทรัพย์ทั้งคู่จะเดินฉีกออกก่อนจะขึ้นรถโดยสารสาธารณะหลบหนี แล้วนัดแบ่งทรัพย์สินที่ได้มา

จากการตรวจสอบประวัติการต้องโทษพบว่า นายบุญ หรือเจน ผู้ถูกจับเคยต้องโทษในลักษณะเดียวกันในฐานความผิด “ลักทรัพย์” เมื่อปี พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา โดยในชั้นจับกุม นายบุญ และนายจัน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า เมื่อประมาณต้นปี 2566 ผู้ถูกจับทั้งสองได้ลักลอบเข้าประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ จ.สระแก้ว โดยเมื่อเข้ามาในประเทศไทย โดยไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง และผู้ถูกจับทั้งสองได้รู้จักกัน คบหา และมีความสนิทสนมกันประมาณ 5 เดือน จึงได้ชักชวนเพื่อนๆ ที่รู้จัก รวมตัวกันศึกษา เรียนรู้ และวางแผน

โดยมีเพื่อนแก๊งนักล้วงกระเป๋าชาวเวียดนาม คอยให้คำปรึกษาและสอนเทคนิควิธีการล้วงกระเป๋าระดับเซียนให้กลุ่มแก๊งนักล้วงกระเป๋าดังกล่าวจนช่ำชอง และเดินทางเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่แหล่งชุมชนดังกล่าวที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรและชุมนุมอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อได้ทรัพย์สินที่ลักมาได้ จะโอนเงิน หรือซื้อเป็นทองคำรูปพรรณ ส่งกลับไปให้ภูมิลำเนา ณ ประเทศเพื่อนบ้าน

ทั้งนี้ยอมรับอีกว่า กลุ่มของตนได้ออกตระเวนล้วงกระเป๋าในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแต่ละวัน โดยบางวันสามารถล้วงกระเป๋าผู้เสียหายได้มากถึง 3-4 ราย รวมจำนวนการก่อเหตุมากกว่า 100 ครั้ง หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล จึงได้นำตัวผู้ถูกจับทั้งสองส่งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบของ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาลได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมและสะกดรอยกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเป็นระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ จนแน่ชัดพบกลุ่มแก๊งนักล้วงกระเป๋าที่ตระเวนก่อเหตุจริง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและเข้าทำการจับกุมพร้อมตรวจยึดของกลาง รวม 22 รายการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้านพล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า จากการจับกุมแก๊งล้วงกระเป๋าในครั้งนี้ “สืบนครบาล IDMB” จะทำการสืบสวนขยายจับกุมเครือข่ายแก๊งมิจฉาชีพที่มีพฤติกรรมในลักษณะแบบเดียวกันอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เนื่องจาก จากการสืบสวนพฤติกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ จะมีการสั่งการและทำงานกันเป็นทีม มีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจำต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เท่าทัน ซึ่งอาชญากรรมดังกล่าวนี้ เป็นอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในสังคม รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งในเวลาอันใกล้นี้ ประเทศไทยจะเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก จึงเป็นภารกิจจำเป็นและเร่งด่วนอย่างยิ่งในการส่งเสริมและสร้างภาพลักษณ์อันดีต่อท่องเที่ยวในการสร้างความรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและชาวต่างชาติเป็นสำคัญ

โดยทางสืบนครบาลจะเร่งดำเนินขยายผลติดตามจับกุมให้ได้ทั้งขบวนการ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ ผบช.น. รวมถึงขอฝากเตือนไปยังผู้ประชาชนซึ่งเดินทางโดยการสัญจรอยู่บนฟุตปาธต่างๆ อยู่เป็นประจำ ให้เดินทางโดยใช้ความระมัดระวัง เก็บสิ่งของมีค่าให้มิดชิด เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของท่าน จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ให้แจ้งมาที่เฟซบุ๊กเพจ “สืบนครบาล IDMB” จะมีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งจะปกปิดข้อมูลของเหยื่อเป็นความลับ




กำลังโหลดความคิดเห็น