ศาลอาญาใต้ สั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีต ส.ส.ปชป. กระทำอนาจาร ให้นับโทษต่อจากคดีเเรก 2 ปี 8 เดือน ส่วนอีกคดียกฟ้อง
วันนี้ (25 ก.ย.) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก นายสรกรช งามวงศ์วาน อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 ว่า วันนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำอนาจารหญิงสาว รวม 2 คดี โดย
คดีแรกหมายเลขดำ อ.1258/2565 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรื่อง ความผิดเกี่ยวกับเพศ
จากกรณี เมื่อระหว่างปลายเดือน ก.ย.- ต.ค. 2559 วันใดไม่ปรากฏชัด เวลาประมาณ 18.00 น. จำเลยได้กระทำอนาจารแก่ นางสาวคนหนึ่งผู้เสียหาย ซึ่งเป็นบุคคลอายุกว่าสิบห้าปี ภายในห้องทำงานของจำเลยที่บริษัท หลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถมองทะลุผ่านเห็นกระจกด้านภายนอกห้องเข้าไปทางด้าน ภายในห้องและกระจกด้านภายในห้องออกมาทางด้านนอกห้องได้อย่างชัดเจน โดยใช้กำลังประทุษร้ายผลักตัวผู้เสียหายจนติดผนังห้อง แล้วจำเลยได้เข้าประชิดตัวผู้เสียหายในทันที
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 วรรค หนึ่ง(เดิม) จำคุก 2 ปี ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขดำ อ.841/2565 ของศาลนี้ ข้อหาอื่นให้ยก
ขณะที่ในวันเดียวกันศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1266/2565 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรื่อง ความผิดเกี่ยวกับเพศ เช่นเดียวกัน
กรณีเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2558 เวลากลางวัน จำเลย ได้กระทำอนาจารหญิงสาว ซึ่งเป็นบุคคลอายุกว่า 15 ปี ขณะอยู่ภายในร้านบาร์เหล้าชื่อ 33 สเต็บ ตั้งอยู่ภายในโรงแรมอินดิโก้ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน โดยจำเลยใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย โดยใช้มือของจำเลยโอบเอวและไหล่ผู้เสียหาย แล้วยื่นใบหน้าของจำเลยมาประชิดใกล้ใบหน้าและตัวผู้เสียหายเพื่อที่จะหอมแก้มและอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายผู้เสียหายหลายครั้ง ใช้มือของจำเลยล้วงจับไปที่ด้านหลังของผู้เสียหายอันเป็นการกระทำที่ไม่สมควรทางเพศ โดยผู้เสียหายไม่ยินยอมและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยจำเลยได้กระทำต่อหน้าธารกำนัล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาจึงยังเป็นพิรุธน่าสงสัยตามสมควร ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง กรณีมีจำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐาน ความว่าหลังเกิดเหตุได้ให้จำเลยอีก เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป พิพากษายกฟ้อง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำพิพากษาคดี ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำอนาจารหญิงสาว รวม 2 กรรม เป็น เวลา 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา กรณีก่อเหตุกระทำอนาจารนักศึกษาสาววัย 18 ปี หลังใช้อุบายหลอกมาคุยเรื่องงานและสอนเรื่องหุ้นที่ร้านอาหารชั้นดาดฟ้าในซอยสุขุมวิท 11 เหตุเกิดเมื่อปี 2564 แต่นักศึกษาสาวผู้เสียหายมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เมื่อเดือนเมษายน 2565 ซึ่งถือเป็นคดีแรก