ศาลอาญาให้ฝากขัง “เจษฎา” ภรรยา “เอ็ม” พ่อใจโหด ชี้ พฤติการณ์รู้เห็นสามีฆ่า-ทำร้ายลูก สุดท้ายไม่ยื่นประกัน จนท.ราชทัณฑ์ คุมตัวนอนเรือนจำหญิง
วันนี้ (23 ก.ย.) พนักงานสอบสวน สน.บางเขน นำตัว น.ส.เจษฎา มีเพียร อายุ 33 ปี ผู้ต้องหา กระทำความผิดฐาน ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นได้รับอันตรายสาหัส, ร่วมกันทำร้าย ร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพหรือส่วนของศพฯ และข้อหาอื่นๆ มาฝากขัง เนื่องจากยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้นต้องสอบพยานเพิ่มอีก 10 ปาก รอผลตรวจพิสูจน์ของกลาง รอผลการตรวจอื่นๆ จึงขอฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.- 4 ต.ค. 2566
โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย ผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย แต่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายสาหัส และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือ ทำร้ายศพ เหลือปิดบัง การเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย ผู้ใดเพื่อจะช่วยให้ผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษ น้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลายซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐาน ในการกระทำ ความผิด ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพ เสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้เกิดผลในทางคดีเปลี่ยนแปลงไป หรือเพื่ออำพรางคดี
คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2566 เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน และ นายกัน จอมพลัง ได้ร่วมกันช่วยเหลือเด็กหญิง ที่ถูกบิดา ทำร้าย ต่อมา จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า นายส่องศักดิ์ ส่งแสง หรือเอ็ม และ น.ส.สุนัน นาหัวนิล ได้ร่วมกันทำร้าย ร่างกาย ด.ญ.มุก (นามสมมติ)ถึงแก่ความตาย และนำศพ ด.ญ.มุก ไปฝังไว้ที่ อ.ขาณุลักษบุรี จ.กำแพงเพชร จึงได้ทำการจับกุมตัวทั้งสองส่งพนักงานสอบสวน ต่อมาจากการสืบสวนขยายผล พบว่านอกจาก น.ส.สุนัน แล้ว นายส่องศักดิ์หรือ เอ็ม ยังมีภรรยาอีกคน คือ น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหา มีบุตรด้วยกัน 5 คน ซึ่งนายส่องศักดิ์ยอมรับว่า ได้ทำร้ายร่างกายบุตรของตนที่เกิด กับ น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหา
จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหากระทำความผิดคิอ เมื่อประมาณ วันที่ 9 ต.ค. 2556 ขณะนั้นนายส่องศักดิ์ และ น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหา ได้มาพักอาศัยอยู่ที่ห้องภายในแมนชั่นแห่งหนึ่งในซอยพหลโยธิน 69 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน นายส่องศักดิ์ ได้ใช้มือทุบตีที่ท้อง ด.ช.ดา บุตรชาย จำนวน 2-3 ครั้ง ด้วยความแรง ทำให้ชักและเสียชีวิต ต่อมา ได้ร่วมกับ นางเจษฎา ผู้ต้องหานำศพไปทิ้งที่ สวนจตุจักร เขตจตุจักร กทม. โดยการใส่ถุงดำ
เมื่อประมาณวันที่ 11 พ.ย. 2557 นายส่องศักดิ์ หรือ เอ็ม และ น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหา พักอาศัยอยู่ที่ห้องภายในแมนชั่น ซอยพหลโยธิน 71 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี นายส่องศักดิ์ ได้ใช้มือทุบตี ด.ช.ธีระ บุตรชาย ที่ลำตัวและท้อง ก่อนนำไปขังไว้ในตู้วางทีวี จนเด็กเสียชีวิต ต่อมา ได้ร่วมกับ ผู้ต้องหานำศพไปทิ้งที่ สวนจตุจักร โดยการใส่ถุงดำ
เมื่อประมาณเดือน เม.ย.- พ.ค. 2559 นายส่องศักดิ์ และ น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหาพักอาศัยใน ซ.พหลโยธิน 50 แยก 11 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. ได้ทำให้ ด.ช.ธนา มีบาดแผลที่คอ มีน้ำหนองไหล แต่ นายส่องศักดิ์ และ น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหาที่ไม่นำเด็กส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล จนทำให้เด็กเสียชีวิต จึงได้ร่วมกับ นางเจษฎา นำศพไปทิ้งที่บริเวณพื้นที่รกร้าง ริมถนนพหลโยธิน กม.25 แขวงคลองถนน เขตสายไหม โดยการใส่ ถุงดำ
เมื่อประมาณเดือน ก.พ. 2561 ซึ่งขณะนั้น นายส่องศักดิ์ และ น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหา ได้มาพักอาศัยอยู่ที่ห้องภายในตึกแห่งหนึ่ง ซ.พหลโยธิน 50 แยก 11 เขตสายไหม นายส่องศักดิ์ ได้บอกให้ น.ส.เจษฎา เอาผ้ายัดปาก ด.ช.พงศ์ บุตรชายจนขาดอากาศหายใจ มีอาการชักจากนั้น ได้นำไปขังไว้ในตู้ชั้นวางโทรทัศน์ จนเด็กเจ็บป่วยและเสียชีวิต จึงได้ร่วมกับ น.ส.เจษฎา นำศพไปทิ้งที่บริเวณพื้นที่รกร้าง ริมถนนพหลโยธิน กม.25 โดยการใส่ถุงดำ
เมื่อประมาณเดือน ก.ย. 2566 ซึ่งขณะนั้น นายส่องศักดิ์ และ น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหาได้มาพักอาศัยอยู่ที่ห้องภายในอพาร์ตเมนต์ ซอยพหลโยธิน 48 แยก 11 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน นายส่องศักดิ์ และ น.ส.เจษฎา ได้ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ด.ญ.ญาดา โดยการตีด้วยไม้แขวนเสื้อ ใช้เทียนไฟลน มีดร้อนจี้ ถูกเตะที่ท้อง ถูกจับถ่วงน้ำ มีแผลเป็นที่หน้าผาก บาดแผลใช้เวลารักษาประมาณ 5 เดือน นายส่องศักดิ์ ให้การว่า เกิดมาจากทนเสียงเด็กร้องไม่ได้ เมื่อได้ยินจะเกิดความโมโห และไม่ชอบเด็กผู้ชาย ประกอบกับ คำให้การของ ด.ญ.ญาดา บุตรที่รอดชีวิตเพียง 1 คน ให้การว่า ในขณะที่ตนถูกนายส่องศักดิ์ บิดา ทำร้ายร่างกายตนและน้องๆ นั้น น.ส.เจษฎา ร่วมกระทำความผิดด้วย แต่อ้างว่าถูกบังคับให้ทำ ถ้าไม่ทำจะถูกทำร้าย แต่ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร จึงทนไม่ไหวต้องหลบหนีออกมาร้องขอให้เพื่อนบ้านช่วยเหลือ ได้สอบสวน 1 แพทย์ประจํา รพ.รามาธิบดี ให้การว่า น.ส.ญาดา ได้รับบาดเจ็บ แผลเป็นบริเวณหน้าผาก ริมฝีปาก คาง ขาทั้งสองข้าง เท้าทั้งสองข้าง มือทั้งสองข้าง ต้นแขน แขนท่อนล่างทั้งสองข้าง หน้าท้อง หน้าอก ด้านหลัง ลักษณะเป็นรอยแผลเป็นจากความร้อน ของมีคม ของไม่มีคม รอยแผลต้องใช้เวลาในการรักษาเป็นเวลา นานประมาณ 6 เดือน เพราะใบหน้าเสียโฉมติดตัว
และตรวจพบศพ ด.ช.ดา และ ด.ช.ธีระ ที่ถูกนำไปทิ้งไว้ในท้องที่เขตจตุจักร ส่วน ด.ช.ธนา และ ด.ช.พงศ์ ที่ถูกนำไปทิ้งในเขตพื้นที่ สน.สายไหม พบเพียงเศษกระดูกท่อนแขน มนุษย์ จำนวน 4 ชิ้น
จากคำให้การ และ พยานเอกสารต่างๆ เชื่อว่า น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหา ได้กระทำความผิดจริง พนักงานสอบสวนจึงยื่นคำร้องขอออกหมายจับ และมีการจับกุมในที่สุด
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผืดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184, 199, 290, 297, 83 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านหากผู้ต้องขอปล่อยชั่วคราว ระบุว่า คดีมีอัตราโทษสูง หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป เกรงว่า จะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง และผู้เสียหายได้คัดค้านการขอปล่อยชั่วคราวด้วยเพราะเกรงว่าผู้ต้องหาจะทำลายหลักฐานในคดี
ศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ฝากขัง
กระทั่งหมดเวลาทำการศาลแล้ว ผู้ต้องหา หรือญาติไม่ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวน.ส.เจษฎา ไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง