MGR Online - ดีเอสไอ จับกุมเครือข่ายทำหน้าที่บริหารสถานบริการอาบ อบ นวด วิคตอเรีย ซีเครท ในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ฯ หลบหนีกบดาน จ.จันทบุรี
วันนี้ (22 ก.ย.) ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ได้สั่งการให้ นายวุฒิไกร ศรีธวัช ณ อยุธยา ผู้อำนวยการส่วนสะกดรอยและการข่าว นำกำลังชุดปฏิบัติการที่ 1 สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ได้ร่วมจับกุม นายบรมเดช จีวะระพุทธ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 568/2561 ลงวันที่ 26 มี.ค. 61 คดีพิเศษที่ 43/2560 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีฯ ร่วมกันเป็นธุระจัดหาฯ ร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณี ผู้ดูแลหรือผู้จัดการการค้าประเวณี หรือสถานการค้าประเวณีหรือเป็นผู้ควบคุมผู้กระทำการค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณี มีเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีทำการค้าประเวณีอยู่ ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง” ซึ่งชุดปฏิบัติการสืบสวนสะกดรอยได้ติดตามข่าวและสืบสวนมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 ก.ย.66 สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในพื้นที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี
สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับแจ้งจากมูลนิธิพิทักษ์สตรี (Alliance Antitrafic) ประสานขอความช่วยเหลือเด็กหญิงสัญชาติเมียนมาว่าเมื่อเดือนก.ค.57 ขณะผู้เสียหายอายุ 12 ปีเศษ ถูกกลุ่มเอเย่นต์หรือนายหน้า นำพาไปทำงานขายบริการทางเพศที่สถานบริการ อาบ อบ นวด วิคตอเรีย ซีเครท กรุงเทพมหานคร ประมาณ 2 ปี จากนั้นเมื่อเดือน พ.ค. 59 นายหน้าได้ส่งไปขายบริการบริการทางเพศต่อเนื่องที่สหพันธรัฐมาเลเซีย จนกระทั่งผู้เสียหายได้รับการช่วยเหลือกลับมาในราชอาณาจักรไทย และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับไว้เป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติ
ซึ่งอัยการสูงสุดมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 และเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 61 กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย กรมการปกครอง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรเอกชนด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ ได้เข้าร่วมบูรณาการสนธิกำลัง ตรวจค้น สถานบริการ อาบ อบ นวด “วิคตอเรีย ซีเครท” พบหญิงบริการสัญชาติเมียนมา ลาว จีน รวม 113 คน พบพยานหลักฐานต่างๆ ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดที่เป็นบุคคลและนิติบุคคล รวม 17 ราย ได้จับกุมคนดูแล คนเชียร์แขก ผู้ขอต่อใบอนุญาตสถานบริการ คนนำพาข้ามมาเลเซีย จำนวน 6 ราย ดำเนินคดีตามกฎหมาย