xs
xsm
sm
md
lg

"โชติวัฒน์" ปธ.ศาลฎีกา ปลื้มผลงานตามนโยบาย “รักศาล ร่วมใจ รับใช้ประชาชน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา
"โชติวัฒน์" ปธ.ศาลฎีกา ปลื้ม ผลการดำเนินงานตามนโยบาย “รักศาล ร่วมใจ รับใช้ประชาชน” ช่วยพัฒนาประสิทธิภาพ หน่วยงานศาลยุติธรรมทั่วประเทศ จนประชาชนพอใจ   

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (22 ก.ย.) ที่ห้องประชุมสัญญาธรรมศักดิ์ สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา แถลงสรุปผลดำเนินงานตามนโยบาย “รักศาล ร่วมใจ รับใช้ประชาชน” ในวาระดำรงตำแหน่ง 1 ปี ตั้งแต่เดือน ต.ค.2565 - ก.ย.2566

นายโชติวัฒน์ ประธานศาลฎีกา กล่าวว่า สรุปผลงานครั้งนี้ก็เพื่อให้ทราบความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 1 ปี ตัั้งแต่ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาได้เดินทางไปตรวจงานในศาลยุติธรรมทั่วประเทศ ทั้งนี้ได้วางแผนดำเนินการและเร่งขับเคลื่อนนโยบายให้สำเร็จตามเป้าหมาย มุ่งเน้นการสร้างความสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจระหว่างบุคลากรศาลยุติธรรมเพื่อร่วมกันอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายสูงสุด
คือการ “รับใช้ประชาชน” ให้สามารถเข้าถึงการบริการของศาลยุติธรรมได้อย่างสะดวก รวดเร็ว 
และเท่าเทียมกัน การดำเนินตามนโยบายทั้ง 3 ด้าน ปรากฏผลดังนี้ 1.“รักศาล” ตั้งแต่เดือนต.ค.2565 เป็นต้นมา ได้ออกตรวจเยี่ยมศาลและหน่วยงาน
ในสังกัดศาลยุติธรรมทั่วประเทศ เพื่อรับฟังปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน รวมทั้งติดตามให้คำแนะนำและวางแนวทางในการบริหารจัดการคดี โดยเลือกลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศาลยุติธรรมในภาค 9 (ภาคใต้) เป็นลำดับแรก เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ห่างไกล และเป็นพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงานให้แก่บุคลากร จากนั้นได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจนครบทุกภาค จึงได้เห็นถึงการพัฒนาระบบงานของศาลยุติธรรม และความเปลี่ยนแปลงด้านการบริหารจัดการคดี ซึ่งเมื่อพิจารณาอัตราคดีแล้วเสร็จและการบริหารจัดการคดีที่ค้างพิจารณาเกินเกณฑ์มาตรฐานแล้วพบว่าอัตราแล้วเสร็จของคดีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยศาลที่สามารถบริหารจัดการคดีอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ที่เรียกว่าศาลสีเขียวนั้น จากเดิมสถิติวันที่ 1 ต.ค.2565 จำนวน 70 ศาล จนกระทั่งเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2566 ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 146 ศาล คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีศาลสีเขียวเพิ่มขึ้นเป็น 200 ศาล ส่วนกลุ่มศาลที่มีแนวโน้มจะกลับเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐาน หรือศาลสีเหลือง เดิมมีจำนวน 25 ศาล ก็เพิ่มขึ้นเป็น 48 ศาล สำหรับกลุ่มศาลที่มีคดีค้างพิจารณาเกินเกณฑ์มาตรฐานที่ต้องเร่งดำเนินการและติดตามกำกับดูแล หรือศาลสีแดง เดิมมี 171 ศาล ขณะนี้จำนวนลดลงเหลือ 
81 ศาล อนาคตคาดว่าศาลสีแดงจะลดลงเรื่อยๆ

ร่วมชมนิทรรศการสรุปผลดำเนินงานตามนโยบายประธานศาลฎีกา
และเมื่อติดตามอัตราคดีแล้วเสร็จ ปรากฏข้อมูลว่า ศาลชั้นต้นทั่วประเทศดำเนินการได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สามารถพิจารณาคดี
แล้วเสร็จถึงร้อยละ 85.03 ของคดีที่ค้างมาและรับใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ซึ่งการบริหารจัดการคดีที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้คดีที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลแล้วเสร็จไปโดยไม่ล่าช้า และประชาชนได้รับการคุ้มครองเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างรวดเร็ว ส่วนการมุ่งเสริมสร้างประสิทธิภาพงานของศาลยุติธรรม ก็ได้พัฒนาบุคลากรด้วยการสนับสนุนทุนการศึกษา ทุนฝึกอบรมต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ให้แก่ข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรมและข้าราชการศาลยุติธรรม เพิ่มพูนทักษะ ความรู้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน ตลอดจนจัดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและระบบการปฏิบัติงานของหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมต่าง ๆ ขณะที่ชมรมคู่สมรสตุลาการศาลยุติธรรมยังมอบทุนการศึกษาแก่บุตรของข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างในหน่วยงานสังกัดศาลยุติธรรมด้วย

2. “ร่วมใจ” ประธานศาลฎีกาลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศาล โดยเน้นย้ำถึงการร่วมโครงการจัดประกวดคัดเลือกศาลดีเด่นเพื่อประชาชน โดยสำนักงานศาลยุติธรรมได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นแรงจูงใจให้บุคลากรมีความตื่นตัวในการทำงาน ให้ศาลทุกแห่งทั่วประเทศมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม รวดเร็ว โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และได้รับความร่วมมืออย่างดีจากศาลทั่วประเทศ มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน และปรับปรุงการให้บริการให้มีประสิทธิภาพโครงการนี้จึงนับได้ว่าส่งเสริมให้บุคลากรมีเป้าหมายในการทำงานเพิ่มขึ้น และเป็นการแข่งขันที่ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดคือ “ประชาชน”

นอกจากเป้าหมายการร่วมใจพัฒนาศักยภาพการทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนแล้ว การเพิ่มประสิทธิภาพของการพิจารณาคดี ก็สำคัญต่อการอำนวยความยุติธรรมภายใต้ความรวดเร็ว เป็นธรรม ทั่วถึงและมีมาตรฐานเดียวกัน ประธานศาลฎีกาจึงได้ออกข้อบังคับ ข้อกำหนด ระเบียบ รองรับการบังคับใช้กฎหมายใหม่ในช่วงรอบปีที่ผ่านมา ดังนี้คือ

ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกำหนดมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ.2566 เป็นการกำหนดวิธีพิจารณาของศาลให้สอดรับกับหลักการตาม พ..ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ.2565 เพื่อปกป้องสังคมจากผู้กระทำความผิดที่มีแนวโน้มจะก่ออาชญากรรมในรูปแบบเดียวกันหรือรูปแบบใกล้เคียงกันซ้ำอีก โดยมุ่งฟื้นฟูแก้ไขผู้กระทำความผิดควบคู่ไปกับการคุ้มครองและเคารพในสิทธิของบุคคลดังกล่าวอย่างเหมาะสม , ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการกำหนดระยะเวลาการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรม พ.ศ. 2566 เพื่อให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จในการพิจารณาในเรื่องขั้นตอนต่างๆ โดยประชาชนสามารถเข้าถึงและเข้าใจได้โดยง่าย และทราบถึงเหตุแห่งความล่าช้าในการดำเนินการ ตลอดจนกำหนดระยะเวลาที่คาดว่าจะแล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด สามารถตรวจสอบความคืบหน้าของการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรมได้

ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีความผิดทางพินัย พ.ศ.2566 เพื่อกำหนดหลักการในการดำเนินคดีความผิดทางพินัยในชั้นศาล โดยคำนึงถึงความสะดวก รวดเร็วเป็นธรรม และไม่เป็นภาระแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องจนเกินสมควร รวมถึงการคุ้มครองและแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชน

คำแนะนำของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับการบริหารจัดการคดีที่พิจารณาทางอิเล็กทรอนิกส์ในศาลชั้นต้น พ.ศ. 2566 เพื่อให้การบริหารจัดการคดีและการประสานงานกับคู่ความในคดีที่พิจารณาทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปโดยรวดเร็ว เรียบร้อย และเป็นแนวทางเดียวกัน


3. “รับใช้ประชาชน” ปัจจุบันศาลยุติธรรมได้ปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
เพื่อใช้สนับสนุนการปฏิบัติงาน และนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาให้บริการทางคดีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์แก่คู่ความในคดี และประชาชนในการติดต่อราชการศาล เช่น จัดทำโครงการเชื่อมโยงข้อมูลคดีบุคคลล้มละลายของศาลล้มละลายกลางกับศาลยุติธรรมทั่วประเทศ ดำเนินการภายใต้นโยบายร่วมใจระหว่างศาล ซึ่งเกิดประโยชน์ต่อการบริการด้านคดีและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนด้วย โดยพัฒนาระบบการสืบค้นข้อมูลบุคคลล้มละลายผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม หรือซีออส (CIOS) ช่วยลดขั้นตอนการดำเนินคดี โดยหากพบว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ผู้ฟ้องคดีจะได้ใช้สิทธิตามกฎหมายในช่องทางที่เหมาะสมต่อไป,พัฒนาระบบยื่นคำคู่ความและเอกสารในคดีแรงงานผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม เพื่อให้บริการประชาชนในการยื่นฟ้องคดีแรงงานสำหรับบุคคลผู้เป็นลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม และมีความประสงค์จะยื่นฟ้องนายจ้าง ซึ่งระบบดังกล่าวพัฒนาบนพื้นฐานของฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ (e-Form) เต็มรูปแบบที่เปิดให้คู่ความสามารถกรอกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 
โดยสามารถยื่นฟ้องได้เองผ่านระบบ CIOS,พัฒนาระบบยื่นคำร้องขอจัดการมรดกและตั้งผู้จัดการมรดกทางระบบ e-Filing สำหรับประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดก ให้สามารถยื่นคำร้องขอจัดการมรดกได้ด้วยตนเอง ใน 2 กรณี คือ กรณีทายาททุกคนยินยอมให้ผู้ร้องนั้นเป็นผู้จัดการมรดก (ไม่มีการคัดค้าน) และกรณีที่มีข้อกำหนดในพินัยกรรมให้ผู้ร้องนั้นเป็นผู้จัดการมรดก,พัฒนาระบบจัดทำหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด และหมายบังคับคดีในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ โดยเปิดให้ประชาชนหรือคู่ความสามารถยื่นขอหนังสือรับรองคดีถึงที่สุดและหมายบังคับคดีในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Filing ซึ่งสิ่งพิมพ์ที่ออกจากระบบ
จะอยู่ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้การรับรองตามกฎหมาย และสามารถนำไปยื่นเพื่อติดต่อทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต่าง ๆ ,จัดทำระบบตรวจสอบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ออกของสำนักงานศาลยุติธรรม
โดยสามารถตรวจสอบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ได้ผ่านทางเว็บไซต์ https://validation.coj.go.th/ ซึ่งเป็นการรองรับระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบ และรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีการที่เชื่อถือได้พัฒนาระบบสารสนเทศสำนวนคดีศาลชั้นต้นระยะ 3 (CIMS3) เพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนการปฏิบัติงานของผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ในศาลยุติธรรม ระบบดังกล่าวจะทำการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติคดี ระยะเวลาการพิจารณาพิพากษาคดี ตลอดจนสร้างฐานข้อมูลคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของทุกศาลทั่วประเทศ เพื่อมาใช้ประกอบการตัดสินใจในการวางแผนการบริหารจัดการคดีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่ประชาชน,พัฒนาระบบยื่นคำคู่ความและเอกสารในคดีความผิดทางพินัยผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม เพื่อรองรับการยื่นฟ้องคดีความผิดทางพินัยจากสำนักงานอัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสามารถยื่นคำฟ้องและเอกสารในคดีความผิดทางพินัยผ่านระบบ e-Filing ได้ ซึ่งจะช่วยให้การยื่นฟ้อง และการพิจารณาพิพากษาคดีมีความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ นายโชติวัฒน์ ประธานศาลฎีกายังให้ความสำคัญต่อการสร้างโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนากระบวนการยุติธรรมและบริการของศาลยุติธรรม ด้วยการจัด “โครงการ Justice by Design : กระบวนการยุติธรรมที่ทุกคนออกแบบได้” และ “โครงการ e-Hearing Design Lab : ร่วมออกแบบกระบวนการบันทึกคำเบิกความพยานด้วยภาพและเสียงที่เป็นมิตรกับทุกคน” ให้ประชาชนผู้ใช้บริการเข้ามามีส่วนร่วมและเป็นผู้ออกแบบบริการศาลยุติธรรมด้วยตนเอง อันจะทำให้การบริการของศาลยุติธรรมตอบสนองต่อความต้องการ
ของประชาชน และสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการศาลยุติธรรมให้แก่ประชาชนได้อย่างแท้จริง ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรมได้นำแนวคิดข้อเสนอแนะของประชาชนมาปรับใช้และพัฒนา และสนับสนุนให้ศาลในภูมิภาคต่าง ๆ ได้ศึกษาและนำแนวคิดการออกแบบนวัตกรรมของประชาชนไปปรับใช้ผ่านการประกวดศาลดีเด่นอีกด้วย รวมทั้งยังมีศาลหลายแห่งเปิดให้บริการแก่ประชาชน นอกเวลาราชการ เช่น ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ศาลจังหวัดสงขลา ศาลจังหวัดยะลา ศาลแพ่ง ศาลอาญากรุงเทพใต้ และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เป็นต้น ทำให้ประชาชนต่างพากันชื่นชมและให้ความพึงพอใจต่อการทำงานของศาลยุติธรรมเป็นอย่างมาก

จากผลสัมฤทธิ์ภารกิจด้านต่าง ๆ ตลอดช่วงปีที่ผ่านมานั้น เห็นได้ว่า
ศาลยุติธรรมของเราพร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้า ทุ่มเทในการทำงานเพื่ออำนวยความยุติธรรม
ให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม เสมอภาคและทั่วถึง ด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพของศาลยุติธรรมและนโยบายที่ยึดความต้องการของประชาชนผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง
กำลังโหลดความคิดเห็น