ชาวศรีสัชนาลัยร้องกองปราบช่วย ตรวจสอบสหกรณ์ชื่อดัง หลังนำเงินไปฝากแต่กลับเบิกออกมาไม่ได้ ยอดเสียหายกว่า 170 ล้านบาท
วันนี้ (21 ก.ย.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาตัวแทนกลุ่มชาวบ้าน ต.ท่าชัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย กว่า 10 คน เข้าพบ พ.ต.ต.ศักดา ศักดิ์เจริญทรัพย์ สว.สส.กก.4.บก.ป. เพื่อขอให้ตรวจสอบสหกรณ์ชื่อดังแห่งหนึ่ง หลังนำเงินไปฝากแต่กลับไม่สามารถถอนออกมาได้
นายสุวภัทร นพวิบูลย์ อายุ 31 ปี หลานชายนางบัวโรย ใจชนะ อายุ 72 ปี ผู้ป่วยเป็นผู้ป่วยติดเตียง หนึ่งในสมาชิกสหกรณ์ กล่าวว่า ป้าของตนนำเงินไปฝากกับสหกรณ์เมื่อปี 57 ต่อมา เกิดล้มป่วยตนจึงเป็นผู้ดูแลตามกฎหมาย หลังจากนั้นได้นำสมุดบัญชีของสหกรณ์ที่เป็นชื่อป้าจำนวน 2 บัญชีไปยื่นเรื่องเพื่อขอถอนเงินออกมาเป็นค่ารักษา ซึ่งมีเงินฝากรวมกัน 304,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ของสหกรณ์กลับบอกว่าเบิกเงินไม่ได้เพราะสหกรณ์ไม่มีเงิน จึงพยายามสอบถามถึงสาเหตุแต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง เมื่อสอบถามสมาชิกรายอื่นๆ ก็ พบเจอปัญหาเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาทราบว่ามีชาวบ้านที่เป็นสมาชิกแต่ไม่สามารถถอนเงินได้เกือบ 200 คน รวมเป็นเงินกว่า 170 ล้านบาท
“ขณะนี้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เงินที่ป้าเก็บออมมาทั้งชีวิตเพื่อไว้ใช้ยามแก่กลับไม่เหลือ ก่อนหน้าเคยรวมตัวกันไปร้องเรียนที่สหกรณ์ จังหวัดสุโขทัย แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด " นายสุวภัทร กล่าว
ส่วน นางเรไร วงศ์ใหญ่ อายุ 58 ปี ชาวบ้านผู้เสียหาย อีกราย กล่าวว่า ฝากเงินกับสหกรณ์ดังกล่าวเพราะว่าแม่ของตนเคยฝากเงินกับสหกรณ์นี้แล้วไม่มีปัญหา ประกอบกับที่ตั้งของสหกรณ์อยู่ใกล้บ้าน เริ่มฝากเงินกับสหกรณ์ตามแม่มาตั่งแต่ปี 58 ตลอดมาจนกระทั่งปลายปี 62 เพื่อนบ้านที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันได้มาบอกกับตนว่าให้ลองไปถอนเงินกับทางสหกรณ์ดูเพราะมีข่าวว่าทางสหกรณ์ไม่มีเงินแล้วเนื่องจากมีการทุจริตกันภายใน ตอนแรกก็ไม่เชื่อแต่พอลองไปถอนเงินดูก็ได้รับคำตอบว่าตอนนี้ทางสหกรณ์ไม่มีเงิน อยากได้ก็ต้องรอ และถ้านำเรื่องที่เกิดขึ้นไปร้องเรียนกับสื่อก็จะไม่ได้เงินคืน แต่จะได้สังกระสีคนละแผ่น โดยตนมีเงินฝากกับสหกรณ์เป็นเงิน 2.64 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นเงินเก็บจากการค้าขายและทำไร่อ้อยมาทั้งชีวิต แต่กลับมาถูกโกง
"ตอนนี้ต้องมารับจ้างทำงานทั่วไปแทนเพราะไม่มีเงินที่จะทำทุน จึงตัดสินใจรวมตัวกับผู้เสียหายรายอื่นมาร้องเรียนให้ทางทนายช่วยเหลือ หากครั้งนี้ไม่สำเร็จตนก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปทำไม" นางเรไร กล่าว
ด้าน นายรณณรงค์ กล่าวว่า ในกรณีดังกล่าวตนตั้งข้อสงสัยไว้ 3 ประเด็นหลัก คือ 1.การปลอมเอกสาร 2.ใช้เอกสารปลอม 3.ยักยอกเงินสหกรณ์ ส่วนปัญหาดังกล่าวทราบว่ามีมาตั้งแต่ปี 61 ผ่านมากว่า 5 ปี ทำไมยังแก้ปัญหาให้ชาวบ้านตรงนี้ไม่ได้ ตอนนี้ก็คือทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่มีการทำอะไรเลย ส่วนเรื่องที่จะเอาผิดกับผู้จัดการ ต้องตรวจสอบว่าผู้จัดการที่มีการปล่อยกู้ทำถูกต้องตามระเบียบของสหกรณ์หรือไม่ มีใครอนุมัติไหม ในส่วนนี้ทางสหกรณ์จังหวัดจะรู้วิธีการตรวจสอบ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ดำเนินคดีต่อ ซึ่งสหกรณ์จะมีการประชุมรายปีจะต้องเปิดเผยรายรับรายจ่ายทั้งหมดเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว จะอ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ ในกรณีนี้หากชาวบ้านไปแจ้งความทางสหกรณ์จะมีความผิดข้อหา ยักยอกทรัพย์
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ร้องไว้ ก่อนส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป