นายกฯสภาทนายความ ลงพื้นที่ช่วยเหยื่อพลุระเบิดที่นราธิวาส 23 ก.ย.นี้ พร้อมจี้ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ทั้งผู้ประกอบการ- เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลยให้เกิดเหตุโรงงานพลุระเบิดตาย-เจ็บหลายราย อีกคดีพร้อมช่วยเหลือลุงวัย 89 ปี ถูกทำร้ายโคม่า
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (20 ก.ย.) ที่ห้องแถลงข่าวสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนพหลโยธิน นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ,นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย,นายวีรศักดิ์ โชติวานิช อุปนายกฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรรมการประชาสัมพันธ์และรองเลขาธิการ,นายวิรัลพัชร เวธทาวริทธิ์ธร อุปนายกฝ่ายวิชาการ และนายสุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ ร่วมแถลงข่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิด เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2566 ที่ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา สภาทนายความฯ ได้รับหนังสือร้องขอความช่วยเหลือจาก ด.ต.รูสลาม อาแว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (นายกอบต.) มูโนะ จ.นราธิวาส และกลุ่มผู้ร้องจำนวน 7 คน โดยเราได้ตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้นแล้ว พบว่าได้รับผลกระทบจำนวน 486 ครัวเรือน ประชาชนได้ความเสียหายประมาณ 2,500 คน ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก สภาทนายความฯ จึงจำเป็นต้องลงไปให้การช่วยเหลือโดยเฉพาะทางด้านกฎหมาย ซึ่งเรามีทนายความอาสา ทนายความภาค 9 และศูนย์นิติธรรมสมานฉันท์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงไปให้ความรู้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุโรงงานพลุระเบิด นอกจากนี้เราจะไปตั้งโต๊ะสอบข้อเท็จจริงโดยใช้ทนายความอาสา จากศูนย์นิติธรรมสมานฉันท์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 50 คน เพื่อไปช่วยเหลือให้บริการประชาชนในพื้นที่ ต.มูโนะ จ.นราธิวาส โดยได้รับการประสานจากเลขาธิการฝ่ายการเมือง รมว.ยุติธรรมว่าพร้อมจะส่งคณะไปอำนวยความยุติธรรม และให้ความสะดวกกับสภาทนายความฯ
ทั้งนี้ในวันที่ 23 ก.ย.นี้ ตนเองพร้อมคณะนายโอฬาร กุลวิจิตร กรรมการบริหารสภาทนายความภาค 9 ประธานกรรมการศูนย์นิติธรรม สมานฉันท์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายชลสิทธิ์ แก้วยะรัตน์ กรรมการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย นายรังสฤษดิ์ ศรีสองคอน ประธานสภาทนายความจ.นราธิวาส จะลงพื้นที่รับเรื่องขอความช่วยเหลือจากประชาชนที่ได้รับความ นอกจากนี้ยังจะจัดกิจกรรมการโครงการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน โดยมีนายกสภาทนายความ เป็นประธานเปิดโครงการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน ร่วมกับ กรรมการศูนย์นิติธรรมสมานฉันท์ฯ
เมื่อถามว่าเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดมีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมหรือไม่
นายวิเชียร นายกสภาทนายความ กล่าวว่า เป็นกรณีที่ทำให้บรรยากาศในบริเวณนั้น ซึ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นต้นไม้ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างประมาณ 1 กิโลเมตร เบื้องต้นเราจะนำทนายความสิ่งแวดล้อมลงไปช่วยดูเรื่องคดี ส่วนผลกระทบทางด้านร่างกายจิตใจ ที่หน่วยงานภาครัฐจะต้องเข้าไปดูแล ขณะเดียวกันสภาทนายความฯ ก็ต้องลงไปช่วยเหลือเยียวยากรณีดังกล่าว โดยจะมีนักจิตวิทยาเข้าไปร่วมสอบข้อเท็จจริง ขณะที่เรื่องค่าเสียหายนั้น เท่าที่ประเมินเบื้องต้นจากข้อเท็จจริงที่ได้รับมานั้น นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมูโนะ เป็นผู้ที่อนุญาตให้มีการก่อสร้างเฉพาะอาคารสถานที่ดังกล่าว แต่คนที่ได้รับอนุญาตจะนำวัตถุใด หรือไปประกอบกิจการใด ก็ต้องไปดูกฎหมาย หรือหน่วยงานอื่นว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในกิจกรรมหรือธุรกิจที่เขาไปประกอบกิจการอย่างไร ส่วนหน่วยงานภาครัฐจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่อย่างไรกับกรณีที่เกิดขึ้นเราจะลงไปสอบข้อเท็จจริงให้เห็นชัดเจน ในวันที่ 23 ก.ย.นี้ และประเด็นคดีปกครอง ก็ต้องดูว่ามีการฝ่าฝืนคำสั่ง หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของฝ่ายปกครอง หน่วยงานภาครัฐหรือไม่
นายวีรศักดิ์ รองเลขาธิการนายกสภาทนายความ กล่าวว่าการช่วยเหลือจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ผู้ที่เสียชีวิตได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นที่ประจักษ์ เราจะช่วยเหลือในการใช้สิทธิเรียกร้องภาคราชการ ที่มีเงินเยียวยา เร่งรัดให้มีการเยียวยาด้วยความเหมาะสมและเป็นธรรมกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน กับอีกส่วนว่า จะมีการสอบว่าเจ้าของโกดังได้ปฏิบัติหรือประมาทเป็นเหตุให้ผู้คนถึงแก่ความตาย เสียหายหรือไม่ และมีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องดูแลออกใบอนุญาตในการจัดเก็บวัตถุระเบิดว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ละเลยหรือไม่ ซึ่งเป็นคดีอาญา ดังนั้นสภาทนายความฯ ก็จะเข้าไปดูแลในส่วนของคดีอาญาด้วย เพราะนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ไม่ใช่เพียงแต่เจ้าของผู้ประกอบการเท่านั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐหากปล่อยปละละเลยอาจจะผิดมาตรา 157 ก็ได้ หากมีการดำเนินคดีก็อาจจะจำเป็นต้องเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมก็ได้ ส่วนคดีแพ่งก็อาจจะให้มีการสืบทรัพย์จำเลยไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องอาญาจะได้ไม่เกิดความล่าช้า
นายวิเชียร กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีคดีที่คุณตาวัย 89 ปี ถูกเพื่อนบ้านทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส อาการยังไม่ดีขึ้น พูดไม่ได้ ยังไม่รู้สึกตัว ทำได้แค่กะพริบตา ต้องให้อาหารทางสายยาง และนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี และผ่านไป 1 เดือนแล้ว คดีความไม่คืบหน้า ข้อเท็จจริงเหตุการณ์เกิดขึ้นบริเวณหมู่บ้านย่านโชคชัย 4 จึงได้ดำเนินให้อนุกรรมการฯ ฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย ลงพื้นที่ไปดูอาการคุณตาและแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
ด้านหลานของคุณตาวัย 89 ปี กล่าวว่า วันเกิดเหตุก็ได้ไปแจ้งความไว้ที่สน.โชคชัย ซึ่งทางร้อยเวรแจ้งว่ากำลังจะนัดหมอเพื่อพิสูจน์ว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง ขณะนี้คุณตานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานเกิน 21 วันแล้ว ข้อเท็จจริงเข้าข่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ขั้นตอนยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน จึงมาร้องขอความเป็นธรรมให้สภาทนายความฯดำเนินการช่วยเหลือ
นายวีรศักดิ์ รองเลขาธิการนายกสภาทนายความ กล่าวว่า ญาติของผู้เสียหายได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับคู่กรณี ซึ่งเป็นความผิดต่อร่างกาย ขณะนี้รักษาตัวนานเกิน 20 วัน เข้าเกณฑ์เรื่องอันตรายสาหัส ตามป.อาญา มาตรา 297 ว่า ผู้ใดกระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น ให้ได้รับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 1 หมื่น ถึง 2 แสนบาท แต่ทราบจากหลานคุณตา ว่าพนักงานสอบสวนจะขอไปสอบปากคำหมอที่ทำการรักษาเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงก่อน อย่างไรก็ตามขั้นตอนหลังจากนี้แล้วสภาทนายความฯ ก็จะต้องเสนอคณะกรรมการช่วยเหลือเพื่อรับช่วยเหลือก็คิดว่าไม่มีปัญหา แล้วจากนั้นจะมอบหมายให้ทนายความเข้ารับผิดชอบไปดำเนินการและพบกับพนักงานสอบสวนเพื่อเร่งรัดให้คดีมีความรวดเร็วขึ้น และเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการในชั้นพนักงานอัยการ หรือชั้นศาลต่อไป
ด้าน นายสมพร อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย กล่าวว่า การที่มาร้องเรียนขอความเป็นธรรม เราต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเป็นธรรมด้วย เรื่องนี้จึงต้องลงไปสอบข้อเท็จจริงว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้อย่างไร เพราะคดีนี้ประชาชนสนใจมาก คุณตาวัย 89 ปี ถูกทำร้ายโดยคนอายุ 50 กว่าปี ผมก็ดูข่าวผลักล้มแล้วไม่ดูแลเลย เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เกิดปัญหาในสังคมเรา โดยเฉพาะผู้สูงอายุเราจะต้องดูแลถ้าปล่อยปละละเลย คิดว่าจะบานปลายเพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็มีลูกหลาน จึงต้องเข้าไปช่วยเหลือแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยเร็ว ซึ่งวันนี้ได้โทรไปหาผู้รับผิดชอบก็ไม่รับสาย ซึ่งตนจะลงพื้นที่ไปดูแลและตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2566 เวลา 9 โมงกว่าๆ ขณะที่คุณตาถือไม้กวาดพื้นด้ามยาว กวาดพื้นอยู่กลางถนน เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามได้ออกมารับพัสดุบริเวณหน้าบ้านพอดี หลังจากที่เพื่อนบ้านรับพัสดุเสร็จ เพื่อนบ้านได้นำกล่องพัสดุมาตีคุณตา ทำให้คุณตาต้องถือไม้กวาดขึ้นมาป้องกันตัวเอง หลังจากนั้นเพื่อนบ้านออกจากบ้านมาอีกรอบและแย่งไม้กวาดคุณตา ผลักคุณตาล้มลงหัวฟาดพื้นแล้วแน่นิ่ง ไป ขณะเดียวกันก็มีเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์รีบวิ่งไปหาคุณยายและบอกน้องชายของเขาให้แจ้งตำรวจ ซึ่งคุณตา แน่นิ่งไป ไม่รู้สึกตัว หลังจากนั้นคุณตาได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งตอนนี้คุณตายังไม่รู้สึกตัวมาร่วม 10 วัน แล้ว อาการเบื้องต้นคุณตามีภาวะเลือดออกในสมอง จำเป็นต้องเจาะกะโหลกเพื่อระบายเลือดออก
ขณะที่หลานชายคุณตาวัย 89 ปี ระบุว่า ก่อนหน้านี้เคยมีปัญหากับเพื่อนบ้าน เรื่องที่จอดรถ ซึ่งคุณตาเองก็ชอบขี่ รถจักรยาน และนำรถจักรยานไปจอดฝั่งตรงข้ามบ้าน ซึ่งเป็นกำแพงบ้านของเพื่อนบ้าน ครั้งนั้นทำให้เพื่อนบ้านไม่พอใจ เดินออกมาเอาจักรยานทุ่มใส่ประตูหน้าบ้าน ซึ่งมองว่าเรื่องแค่นี้สามารถพูดคุยกันได้ไม่จำเป็นต้องทำ พฤติกรรมแบบนั้น นอกจากนี้ เพื่อนบ้านยังมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางที่ไม่ดี โดยขี่จักรยานยนต์ผ่านคุณตาพอดี ก็ทำท่าทางเหมือนจะถีบขาคุณตาให้ล้มลง ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้คุณตาไม่พอใจ ล่าสุดก่อนวันเกิดเหตุ คุณตาเล่าว่าเพื่อนบ้านออกมาพูดกับคุณตา ถามว่า เมื่อไหร่จะตาย อยากจะตายยังไง พร้อมถือมีดออกมาจะฟัน ซึ่งทำให้คุณตาตะโกนร้อง เรียกให้เพื่อนบ้านออกมาช่วย หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นคู่กรณีไม่ได้มารับผิดชอบใดๆ จึงได้แจ้งความไว้ที่ สน.โชคชัย เป็นคดีทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่คดีความก็ยังไม่คืบหน้า
ด้านนายเอ (นามสมมติ) อายุ 55 ปี คู่กรณีของคุณตา กล่าวว่า ในวันที่เกิดเหตุอยู่ดีๆ คุณตาถือไม้กวาดด้ามยาวพุ่งเข้ามาหาเขาหน้าบ้าน ซึ่งเขากำลังรับพัสดุอยู่ และมาขวางหน้าบ้าน จึงบอกให้คุณตาหลบไป แต่คุณตาไม่หลบ เขาจึงเอากล่องพัสดุฟาดคุณตาไปหนึ่งที ส่วนคุณตาได้เอาไม้กวาดด้ามยาวฟาดมาหลายรอบ ทำให้ต้องหลบอยู่หลังประตูบ้าน และหยิบไม้ออกมาเพื่อป้องกัน บอกให้คุณตาหลบไป แต่คุณตาไม่ยอมจึงเข้าประชิดตัว จับไม้กวาดและผลักออกไป ทำให้ล้มลง ซึ่งยืนยันไม่ตั้งใจ และไม่มีเจตนาทำร้ายคุณตา ที่ทำลงไปเพราะป้องกันตัว และไม่ได้เยียวยาใดๆ เนื่องจากคุณตาเป็นคนเข้ามาหาเรื่อง