MGR Online-"บิ๊กจ้าว" ตั้งโต๊ะแถลงข่าวพ่อโหดฆ่าลูกวัย 2 ขวบ โบกปูนที่ จ.กำแพงเพชร เร่งพิสูจน์ลูกอีก 4 ศพกับภรรยาเก่า พร้อมจัดตั้งคณะทำงาน พบเมื่อปี 2559 มีประวัติเข้ารับการรักษาและขาดช่วงการรักษา
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.แถลงถึงกรณีตำรวจจับกุม นายส่องศักดิ์ หรือเอ็ม ส่งแสง อายุ 46 ปี และ นางสุนัน นาหัวนิล อายุ 40 ปี สองสามีภรรยาโหดฆ่าโบกปูนน้องโมเดลลูกสาว อายุ 2 ขวบ เหตุเกิดในพื้นที่ สน.บางเขน ก่อนนำร่างไปฝังโบกปูนไว้ในพื้นห้องครัวที่บ้านใน จ.กำแพงเพชร รับสารภาพก่อนหน้านี้ได้ฆ่าลูกที่เกิดกับภรรยาเก่าอีก 4 ศพ ในช่วงปี 2555 2557 2559 2560 ตามลำดับ ว่า สน.บางเขน ได้รับแจ้งเข้าช่วยเหลือเด็กเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา นำไปสู่การดูแลของ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หลังจากนั้นทราบว่ามีเด็กเสียชีวิตในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจมีเด็กเสียชีวิตมากกว่า 1 ราย เกิดเหตุในหลายท้องที่ สน.บางเขน สน.บางซื่อ สน.สายไหม จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีเบาะแสบางอย่างอาจมีความเชื่อมโยงไปสู่ 2 ศพนิรนาม ตั้งแต่ปี 2557 และ 2559 โดยทั้ง 2 ศพ สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) มีการเก็บพยานหลักฐานไว้ ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนพยายามรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ข้อสันนิษฐานว่าศพเด็ก 2 ศพที่พบนั้น มีความเชื่อมโยงกับคดีของ สน.บางเขน หรือไม่
แนวทางการสืบสวนอาจมีเด็กเสียชีวิตเพิ่มอีก 4 ราย ต่างเวลาต่างสถานที่และถูกนำไปอำพรางซ่อนเร้นโดยผู้ลงมือ ฝ่ายสืบสวนจะทำการพิสูจน์ทราบถึงศพนิรนามนั้นว่า เป็นญาติ หรือบุตร เกี่ยวโยงกับบุคคลที่เป็นพ่อแม่ในคดีของ สน.บางเขน หรือไม่ ขณะนี้มีความคืบหน้าในการตรวจพิสูจน์บางส่วน กับรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบ ฝ่ายสอบสวนได้พยายามรวบรวมพยานหลักฐาน และเชื่อมโยงบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เนื่องจากพฤติกรรมการกระทำต่างๆ นั้น มีความซับซ้อนในเนื้อหา การลงมือการกระทำต่างๆ เป็นลักษณะกึ่งบังคับข่มขื่นใจให้กระทำในบางส่วน ตำรวจต้องหามูลเหตุจูงใจทั้งหมดมาเชื่อมโยง และความต่อเนื่องทางคดีซึ่งทุกคดีมีความเชื่อมโยงกัน เหตุต่างกรรมต่างวาระแต่มีลักษณะการกระทำซึ่งเกี่ยวเนื่องกัน แผนประทุษกรรมที่คล้ายคลึงกันจำเป็นต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ขณะนี้ บช.น.จัดตั้งคณะทำงานให้มีฝ่ายสืบสวนและสอบสวนเร่งรัดคดีนี้ แล้วรายงานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เบื้องต้นมีการพิจารณาภาพรวมยกระดับขึ้นมาเป็นคดีที่มีคณะทำงานเป็นพิเศษ เพราะเป็นคดีที่ต้องค้นหารายละเอียดต่างๆ เพื่อพิสูจน์การกระทำความผิดของผู้ต้องหา
สำหรับ 4 ศพแรกผู้ต้องหาให้การว่าอย่างไรนั้น ตำรวจสันนิษฐานว่ามีความเชื่อมโยง แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า 4 ศพนั้นคือใคร และพิสูจน์ว่าลูกอีก 4 คนกับภรรยาเก่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ทำไมไม่อยู่บ้านและไปอยู่บ้านญาติที่ไหน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.สั่งการฝ่ายสืบสวนตรวจสอบแล้ว ทางนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์ศพนิรนามมีการทำสำนวนชันสูตร เก็บลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ ตั้งแต่ปี 2557 และ 2559 เอามาตรวจเปรียบเทียบว่าเป็นเด็กที่หายไปหรือไม่ ผู้ปกครองไม่ได้แจ้งการสูญหาย หรือการตายในข้อสันนิษฐานเด็กอาจจะอยู่ ณ ที่ใดก็ได้ แต่ในทางสืบสวนตำรวจตั้งประเด็นว่าเป็นไปได้หรือไม่กับศพเด็กที่พบเมื่อปี 2557 และ 2559 นั้นคือคนเดียวกัน ในเร็วๆ นี้จะมีคำตอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เชื่อมั่นพิสูจน์ได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ ถ้าใช่ก็สามารถพิสูจน์ได้ใน 2 รายที่ตำรวจมีการตรวจค้นพบในระบบฐานข้อมูล แต่อีก 2 รายมีเบาะแสว่าข้อมูลน่าจะอยู่ที่ใด พล.ต.ต.นพศิลป์ สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบว่า สถานที่เกิดเหตุอยู่ที่ใด สถานที่ที่ถูกตรวจค้นพบศพ หรือถูกเก็บไว้เป็นศพนิรนามอยู่ที่ใด แล้วเอาหลักฐานข้อมูล หรือดีเอ็นเอต่างๆ ที่ถูกเก็บไว้มาตรวจพิสูจน์ ตำรวจรอผลจากนิติเวชถ้าได้จะสามารถคลี่คลายอีกระดับหนึ่ง แล้วจะสามารถไปอีก 2 ศพได้
"เด็กทั้ง 4 คนมีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร์ แจ้งเกิดถูกต้อง ยืนยันตัวผู้เป็นบิดามารดาถูกต้อง ตัวพ่อผู้ก่อเหตุมีภรรยาหลายคน ภรรยาที่อยู่ในเหตุมีลูกด้วยกัน 5 คน และยังมีภรรยาที่อยู่ระหว่างคาบเกี่ยวช่วงเกิดเหตุอีก 1 คน ส่วนศพเด็กที่พบที่กำแพงเพชร เป็นของภรรยาอีกคน แต่มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันคือว่า การดูแลเด็กคนที่เสียชีวิตมาอยู่ตรงจุดเกิดเหตุที่บางเขนได้อย่างไร ตำรวจกำลังเชื่อมต่อกันว่าถูกพามา ไปเอาตัวมา หรือมีอะไรที่ส่งผ่านมาถึงตรงนี้ได้ แล้วทำไมถึงเอาศพเด็กไปทิ้งที่กำแพงเพชร มีเรื่องที่เป็นเงื่อนงำจะต้องพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏ" น.1 กล่าว
พล.ต.ท.ธิติ กล่าวต่อว่า กรณีกลุ่มภรรยารู้เห็นกับการตายของลูกกี่คน นับเฉพาะที่มีพยานหลักฐานเบื้องต้นภรรยาทุกคนน่าจะรับรู้รับทราบ แต่จะเข้าไปมีส่วนอย่างไรต้องดูพยานหลักฐานและสอบปากคำ เพราะคำให้การกับหลักฐานในที่เกิดเหตุต้องสอดคล้องกัน ตอนนี้มีเพียง 1 ศพที่เห็นว่ามีความชัดเจนแต่ในส่วนที่เหลือมีความเชื่อมโยงที่พอจะสันนิษฐานได้ว่า มีหลักฐานที่จะมีความเป็นไปได้ว่า เห็น ทราบ แต่ใครเป็นผู้ลงมือกระทำอย่างไรนั้นต้องรอกระบวนการสอบสวน ซึ่งต้องเอาหลักฐานที่เห็นทั้งหมดมาสอบยืนยันเข้าไปในสำนวน ภรรยาทั้ง 4 คนไม่ได้หมายความว่าจะมีส่วนร่วมทั้งหมด พยายามเอาทุกคนเข้ามาสอบให้เห็นว่าใครที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ใช่มองว่า 2 คนนี้เท่านั้น อาจจะมีคนอื่นอีกหรือที่ช่วยในการปกปิดซ่อนเร้น ไม่ให้ข้อมูล อำพราง หรือทำลายหลักฐานต้องดูทั้งหมด ส่วนแรงจูงใจของผู้ต้องหาในการก่อเหตุยังไม่ชัดเจนอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐา เป็นผู้ต้องหาในคดีหนึ่งแต่จะเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมหรือไม่ ยังไม่ได้ให้ข้อมูลที่เชื่อมโยง แต่ตำรวจจะเอาหลักฐานเข้าไปมัดโดยฝ่ายสอบสวนวางประเด็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลักฐานที่มีมันไม่ใช่ เราต้องการนำหลักฐานทั้งหมดไปยืนยันการกระทำผิด ส่วนกรณีล่าสุดตำรวจเร่งสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงว่า ก่อเหตุฆ่าเด็กที่ไหนกันแน่ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือเมื่อมีศพแล้วต้องตรวจพิสูจน์ยืนยันว่าศพนั้นคือของใคร เกิดจากบุคคลที่เป็นพ่อแม่คู่นี้หรือไม่ ถ้าใช่ทำไมถึงมาอยู่ตรงนั้นแล้วใครเป็นคนพาไปที่ จ.กำแพงเพชร ใครเป็นคนทำให้ตาย และมูลเหตุจูงใจที่ต้องทำให้ตายคืออะไร
จากการตรวจสอบ นายส่องศักดิ์ เมื่อปี 2559 มีประวัติเข้ารับการรักษาและขาดช่วงการรักษา แต่ไม่เป็นเหตุให้เข้ารับการพิจารณาเป็นพิเศษในเรื่องนี้ ส่วนรักษาเรื่องอาการป่วยทางจิต หรือยาเสพติดต้องเชิญแพทย์ผู้รักษามาสอบ ยังไม่ยืนยันว่า 4 ศพแรกเสียชีวิตจากพ่อแม่ย้ำว่าต้องพิสูจน์ ผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่านำเด็กไปฝั่งปูนตั้งแต่เมื่อไรนั้น เป็นคำพูดของฝ่ายแม่ที่อยู่ในเหตุการณ์เพียงคนเดียว ส่วนฝ่ายพ่อไม่ให้การอะไรตำรวจจะหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมทั้งหมด ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ทางคดี ซึ่งคดีดังกล่าวมีความยากคือพยานหลักฐานที่ปรากฏไม่มีประจักษ์พยาน มีแต่พยานแวดล้อม หรือพยานใกล้ชิด ฉะนั้นคนที่จะเป็นประจักษ์พยานได้จริงๆ คือผู้อาศัยอยู่ในบ้าน อาจจะมีประจักษ์พยานเพียงปากเดียว ส่วนที่เหลือต้องใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ทั้งหมด เพื่อยืนยันว่า 2 ศพที่สันนิษฐานว่าน่าจะใช่มีดีเอ็นเอและลายพิมพ์นิ้วมือเก็บไว้ ถ้าใช่แล้วใครเป็นผู้ทำให้เสียชีวิต ใครเป็นผู้เอาไปทิ้ง ต้องเชื่อมโยงกันฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการ 2 ศพนั้นอยู่ในพื้นที่ สน.บางซื่อ เป็นการห่อแล้วนำไปทิ้งไว้
เบื้องต้นแจ้งข้อหา "ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย, ร่วมกันปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ, ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ลูกชายที่ นายส่องศักดิ์ ฆ่าเสียชีวิต ประกอบด้วย 1. ด.ช.ศักดิ์ดา อายุ 6-7 เดือน เสียชีวิตที่ตึกแห่งหนึ่งในซอยพหลโยธิน 50 และพหลโยธิน 52 พื้นที่ สน.บางเขน นำศพไปทิ้งบริเวณหลังสวนจตุจักร พื้นที่ สน.บางซื่อ ปี 2555, 2. ด.ช.ธีรภาพ อายุ 1-2 เดือน เสียชีวิตที่อพาร์ตเมนต์หลังตลาดสี่มุมเมือง พื้นที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี นำศพไปทิ้งบริเวณที่รกร้างข้างถนนพหลโยธิน ขาเข้า ใกล้ปั๊มน้ำมัน พื้นที่ สน.สายไหม ปี 2557, 3. ด.ช.ธนาทรัพย์ อายุ 2 เดือน เสียชีวิตที่ตึกเดียวกับ ด.ช.ศักดิ์ดา นำศพไปทิ้งบริเวณหลังสวนจตุจักร พื้นที่ สน.บางซื่อ ปี 2559, 4. ด.ช.นัฐพงศ์ อายุไม่ถึง 1 เดือน เสียชีวิตที่ตึกแห่งหนึ่งในซอยพหลโยธิน 50 และพหลโยธิน 52 นำศพไปทิ้งบริเวณที่รกร้างข้างถนนพหลโยธิน ขาเข้า ใกล้ปั๊มน้ำมัน พื้นที่ สน.สายไหม ปี 2560 นอกจากนี้ มีรายงานว่า นายส่องศักดิ์ มีภรรยาทั้งหมด 5 คน มีลูก 10 คน ภรรยาคนที่ 1 มีลูกด้วยกัน 1 คน ภรรยาคนที่ 2 มีลูกด้วยกัน 5 คน (ถูกฆ่าไป 4 คน เป็นชายทั้งหมด และนำร่างไปฝังย่านสายไหม 2 คน/ย่านบางซื่อ 2 คน เหลือ 1 คน ได้รับการช่วยเหลือไปอยู่กับสถานสงเคราะห์ พม.) ภรรยาคนที่ 3 ภรรยาคนปัจจุบัน นางสุนัน มีลูกด้วยกัน 3 คน (ถูกฆ่าฝังดินไป 1 คน เป็น ด.ญ.อายุ 2 ขวบ ชื่อน้องโมเดล เหลือ 2 คน ฝากญาติเลี้ยง 1 คน และได้รับการช่วยเหลือไปอยู่กับสถานสงเคราะห์ พม.1 คน) และภรรยาคนที่ 4 มีลูกด้วยกัน 1 คน.