ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาครอบครัวของเด็กชายวัย 10 ขวบ เข้าพบ รอง ผบก.น.1 ติดตามความคืบหน้าคดีลูกถูกรถร่วม ขสมก. ชนทับร่างบาดเจ็บสาหัส
วันนี้ (14 ก.ย.) ที่ สน.ดินแดง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วยครอบครัวของเด็กชายอายุ 10 ปี ที่ถูกรถมินิบัส สาย 12 ซึ่งเป็นรถร่วม ขสมก. เฉี่ยวชนและทับร่างซํ้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณปากซอยประชาสงเคาะห์ 33 เดินทางมายัง สน.ดินแดง เพื่อติดตามคดีร่วมกับ พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า รอง ผบก.น.1 โดยมีตัวแทน ขสมก. เจ้าของรถร่วมคันเกิดเหตุ คนขับรถ และบริษัทประกันภัย เพื่อร่วมกันหารือเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาผู้บาดเจ็บระหว่างนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวิมุต
โดยแม่ของเด็กชาย กล่าวทั้งนํ้าตาว่า ตอนนี้เป็นห่วงเรื่องของกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากหมอได้ลองถอดสายออกเพื่อให้น้องลองปัสสาวะด้วยตัวเอง แต่ผลปรากฏว่าน้องไม่สามารถปัสสาวะเองได้ ซึ่งหมอระบุว่า เป็นเพราะระบบประสาทของน้องไม่สามารถทํางานได้แล้วและทําให้อนาคตน้องอาจจะต้องใส่ท่อเพื่อปัสสาวะตลอดชีวิต หรือต้องสวนปัสสาวะแต่หากทําไม่ถูกต้องหรือไม่สะอาดอาจจะติดเชื้อและอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน โดยวันที่ 22 ก.ย.นี้ แพทย์ รพ.ศิริราช นัดให้พาน้องไปเอกซเรย์เพื่อเตรียมผ่าตัดครั้งที่ 4 ขณะที่พ่อของเด็ก กล่าวเพิ่มว่า ตนเองเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจของลูก เกรงว่าจะรับสภาพไม่ได้ในอนาคต
ด้าน พ.ต.อ.ภูมิยศ กล่าวว่า คดีนี้แยกเป็น 2 ส่วน คือคดีอาญากับคดีเพ่ง ซึ่งคดีอาญาอยู่ระหว่างการสอบสวนส่วนคดีเพ่งคือเรื่องของค่าเสียหายและจากการพูดคุยในครั้งนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่าเบื้องต้นทาง ขสมก. ยื่นเสนอเงินช่วยเหลือจํานวน 1 แสนบาทอยู่ระหว่างรอการอนุมัติว่าจะได้เต็มจํานวนที่ยื่นไปหรือไม่ ส่วนเจ้าของรถคันที่เกิดเหตุเสนอช่วยเหลือเป็นเงินจํานวน 5 หมื่นบาท คนขับรถช่วยเหลืออีก 2 หมื่นบาท ซึ่งนัดมอบเงินกันในวันจันทร์ที่ 18 ก.ย.นี้ อีกส่วนหนึ่งเป็นของบริษัทประกันภัยที่มีวงเงินอยู่ 1 ล้านบาท แต่ต้องรอให้ผู้เสียหายอาการดีขึ้นและสรุปจํานวนเงินที่ชัดเจนเสียก่อนจึงจะสามารถดําเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้นางปวีณา ระบุว่า ตนเองเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุเช่นนี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วอยากให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคนขับร่วมกันรับผิดชอบและขอให้อย่าทิ้งเด็ก เพราะขณะนี้เด็กยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.วิมุต เพื่อเตรียมตัวเข้าผ่านตัดครั้งที่ 4 เบื้องต้นหลังรักษาตัวที่ รพ.วิมุต แพทย์ระบุว่าเด็กมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ โดยหลังจากนี้อีก 2-3 เดือน จะนัดมาพูดคุยกันอีกครั้ง