ศาลอาญายกฟ้องชั้นไต่สวนมูลฟ้อง"แอม ไซยาไนด์” ฟ้อง “รพี” หมิ่นประมาท ด้าน"ทนายพัช"จ่อยื่นอุทธรณ์อ้างยังมีหลักฐานเด็ด เผยคดี "แอม" 15 คดี เพิ่งส่งถึงอัยการกรณี "ก้อย" สำนวนเดียว ฝาก "บิ๊กโจ๊ก" ตาม 14 สำนวนที่เหลือ ถ้าตำรวจไม่ฟ้อง จะฟ้องกลับรวมถึงญาติ
วันนี้ (5 ก.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้องคดี อ.1090/2566 ที่ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ผู้ต้องหาคดีวางยาฆาตกรรมเหยื่อหลายราย ฟ้องนายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อคดีแอม ไซยาไนด์ ฐานความผิดหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณาฯ กรณีกาาให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ชื่อดัง
น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช ทนายความของ นางสรารัตน์ เปิดเผยก่อนเข้าห้องพิจารณาว่า หากคดีนี้ศาลมีคำสั่งว่าคดีไม่มีมูลตนก็จะอุทธรณ์ต่อไป แต่ถ้าศาลเห็นว่าคดีมีมูลและมีคำสั่งรับฟ้อง กรณีที่นายระพีไม่มาฟังคำสั่ง ตนเองก็จะส่งหมายศาลไปยังภูมิลำเนา
อย่างไรก็ตาม มีความมั่นใจในพยานหลักฐานที่จะเอาผิดกับนายรพีได้ ซึ่งนายรพีก็ยอมรับเองว่าบุคคลที่อยู่ในคลิปนั้นเป็นตนเองจริง ในชั้นนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาว่ามีองค์ประกอบความผิดหรือไม่ ส่วนการกระทำดังกล่าวจะเป็นความผิดหรือไม่นั้น ก็จะเป็นอีกชั้นหนึ่ง คือศาลต้องรับฟ้องก่อนเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาคดีต่อไป
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่นายรพีจำเลย ได้รับมอบอำนาจจากมารดาผู้ตายให้ดำเนินการแทนได้ เรื่องให้ข้อมูลทางภาครัฐและทางสื่อมวลชนดังนั้นที่จำเลยออกไปให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่าโกหกตำรวจจนหัวปั่นนั้น เป็นข้อเท็จจริงจากแนวทางการสืบสวนของตำรวจ ในรายการหนึ่ง จึงเป็นการกล่าวโดยสุจริตไม่เป็นความผิด ยกฟ้อง
ภายหลังศาลมีคำสั่ง น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ ทนายจำเลย กล่าวว่า ศาลยกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่านายรพีได้รับมอบอำนาจจากญาติผู้เสียหาย ซึ่งการให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์นั้นเป็นไปตามข้อเท็จจริงจากการสืบสวนของตำรวจ ซึ่งได้รับรายงานจากตำรวจชุดคลี่คลายคดี เป็นการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่รัฐด้วย จึงเป็นการให้สัมภาษณ์โดยสุจริต ซึ่งฝ่ายโจทก์มีสิทธิ์ที่จะยื่นอุทธรณ์ภายใน 1 เดือน หรืออาจจะขยายได้ครั้งละ 1 เดือน ซึ่งนายรพีเองก็รู้สึกดีใจที่ได้รับความยุติธรรมจากศาลในครั้งนี้
ด้านน.ส.ธันย์นิชา หรือทนายพัช เปิดเผยว่า จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งภายใน 30 วัน ซึ่งมีพยานหลักฐานใหม่ที่ยื่นต่อศาลไปแล้วเมื่อวานนี้ เป็นเอกสารเกี่ยวกับใบรับมอบอำนาจ มารดาของผู้เสียชีวิตให้กับนายระพี ซึ่งพบความผิดปกติ โดยในเอกสาร มอบอำนาจ ลงวันที่ 14 เม.ย. 2566 แต่เอกสารสำเนาบัตรที่ใช้ยื่น ประกอบรับรองการมอบอำนาจ พบ เป็น วันที่ 1 พ.ค. 2566 ซึ่งอาจเป็นการออกบัตรหลังจากที่มีการทำหนังสือมอบอำนาจ ซึ่งเชื่อว่าจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงคำสั่งในชั้นอุทธรณ์ ต่อไป
ส่วนเรื่องคดีความ ของแอมไซยาไนด์ ตำรวจอ้างว่าจะมีการสรุปสำนวนฟ้องแอมรวมทั้งหมด 15 สำนวน ขณะนี้มีเพียงสำนวนเดียว ของ น.ส.ก้อย ที่ส่งมาถึงอัยการเท่านั้น ฝากไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่กำกับดูแลคดีดังกล่าว ว่าความคืบหน้าในการทำสำนวนที่เหลือไปถึงไหนแล้ว หากหากตำรวจไม่มีการฟ้องสำนวนที่เหลือตามที่มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ ตนเตรียมฟ้องกลับเจ้าหน้าที่รวมถึงญาติผู้เสียชีวิตที่เหลือด้วย