วันที่ 21 ส.ค. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ผศ.ดร.ลินดา เกณฑ์มา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มบส.) พร้อมด้วยเหล่า ผู้บริหารสถาบัน คณาจารย์ และตัวแทนสมาคมศิษย์เก่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในพระบรมราชูปถัมภ์ อาทิ นายวิทยา พิบูลย์สวัสดิ์ นายอิศรากรณ์ สุวรรณทิพย์ ร่วมกันต้อนรับบัณฑิต ในพิธีการซ้อมรับพระราชทานปริญญาบัตร ขึ้นในวันที่ 19-21 สิงหาคม 2566 เพื่อเตรียมความพร้อม ในวันรับพระราชทานปริญญาบัตรจริง ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 23 สิงหาคม 2566 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏจังหวัดนครปฐม โดยมีเหล่าบัณฑิต ที่จะเข้าร่วมพิธีรวมถึงญาติ พี่น้องผู้ปกครอง เดินทางมาร่วมงานซ้อมรับพระราชทานปริญญาบัตรกันอย่างคับคั่ง
ผศ.ดร.ลินดา กล่าวว่า ขอต้อนรับบัณฑิตของ มบส. ที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในโอกาสนี้ ซึ่งเป็นผู้สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ.2563 และ พ.ศ.2564 การเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง ของความภาคภูมิใจ เป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ทั้งของตัวเราเองและวงศ์ตระกูล กว่าจะมาถึงวันนี้ได้บัณฑิตทุกคนต้องผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านความลำบาก ต้องใช้ความอดทนและความขยันหมั่นเพียรอย่างมาก ในนามของผู้บริหาร ครูอาจารย์และบุคลากร มบส.ทุกภาคส่วนต้องขอแสดงความชื่นชมบัณฑิตทุกคน แต่ในการที่จะได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตสมบูรณ์แบบนั้น จะต้องมีสิ่งสำคัญประจำใจ 3 ประการ คือ 1.ต้องมีศาสตร์ที่เฉียบคม ด้วยการหมั่นศึกษาหาความรู้ตลอดเวลาและทำอย่างต่อเนื่อง 2.ต้องมีศิลปะในการดำเนินชีวิต คือ ไม่ว่าเราจะเรียนเก่งแค่ไหน แต่หากไม่มี Soft skill (ความมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี) ในการอยู่ร่วมกันกับผู้คนในสังคม เราก็ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จ หรืออยู่ในสังคมอย่างมีความสุขได้ และ 3.ต้องมีหลักธรรม เป็นที่ยึดเหนี่ยวในการดำเนินชีวิต ยึดหลักครองตน ครองคน ครองงานประจำใจ โดยหลักทั้ง 3 ประการนี้ ตนเชื่อได้ว่าจะพาบัณฑิตทุกคนไปสู่ความสู่ความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
ด้าน นายอิศรากรณ์ สุวรรณทิพย์ ตัวแทนสมาคมศิษย์เก่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า วันนี้รู้สึกยินดี ที่ได้มาพบปะพูดคุยกับน้องๆ และรู้สึกภาคภูมิใจกับน้องๆ ทุกคนที่ประสบความสําเร็จ สมหวังดังใจ แต่ความสำเร็จวันนี้ เป็นเพียงความสำเร็จเบื้องต้น ต่อยอดจาก 4 ปีที่แล้ว ที่น้องๆ สอบเข้ามาศึกษาในรั้ว มบส.แห่งนี้ได้สำเร็จ จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ที่ทุกคนมีปริญญาบัตรเป็นเครื่องการันตีให้เดินตามฝันต่อไป น้องๆ บางคน อยากรับราชการ แต่บางคนอยากทำงานบริษัท น้องบางคนอยากเป็นผู้ประกอบการ หรือบางคนอยากเป็นนักธุรกิจ ทุกๆ คนมีสิทธิ์คิดและมีสิทธิ์ฝัน และสามารถเดินไปถึงจุดหมายได้ แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ตัวเรา ความสำเร็จในวันนี้ คือ ตัวชี้วัด ว่า น้องๆ พร้อมแล้วที่จะก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัย ไปเผชิญกับโลกแห่งความจริง ต้องออกไปขอโอกาส จากหน่วยงาน หรือองค์กร หรือบริษัท เพื่อพิสูจน์ความสามารถว่าเราเป็นส่วนสำคัญ ที่พร้อมสร้างความเจริญเติมโตไปกับองค์กรหรือส่วนงานที่เราได้รับโอกาส
นายอิศรากรณ์ กล่าวอีกว่า ชีวิตพี่วันที่สำเร็จปริญญาตรี เหมือนวันนี้ของพวกเรา พี่ยังอาศัยวัดเป็นที่พักพิง แต่พี่ไม่เคยลังเลใจ ที่จะสมัครเป็นสมาชิกศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย เพราะพี่มีความภาคภูมิใจในความเป็นลูกสุริยะ พี่จึงอยากให้พวกเราจงภาคภูมิใจเช่นกัน ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถ พิสูจน์ได้จากคนมากมายบนโลกใบนี้ ที่เขาทำได้สำเร็จ และความสำเร็จก็ไม่เคยปิดกั้น หรือบอกว่าจำนวนคนที่ประสบความสําเร็จบนโลกใบนี้ เต็มแล้ว แต่ความสำเร็จยังเฝ้ารอคอยทุกๆ คน อยู่เสมอ ขอแค่เพียงเรา มีความหวัง ศรัทธาในตัวเอง มุ่งมั่นที่จะเดินไปให้ถึงก็เท่านั้น และพี่เชื่อว่าน้องๆ ทำได้ ขอให้ ทุกๆ คนประสบผลสำเร็จ และก้าวต่อไปอย่างมั่นคง ตามเส้นทางที่ทุกคนใฝ่ฝัน
ขณะที่ นายวิทยา พิบูลย์สวัสดิ์ ตัวแทนสมาคมศิษย์เก่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวด้วยว่า ก่อนที่เราจะได้รับโอกาส เราต้องให้โอกาสตัวเราเองก่อน ให้โอกาสตัวเราได้ทำความดี รู้สึกภาคภูมิใจที่เป็นศิษย์ มบส.ลูกสุริยะ ด้วยการสมัครเป็นสมาชิกศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา โดยทุกคนที่เป็นสมาชิกจะมีส่วนช่วยเหลือกัน ไม่ว่าศิษย์เก่าหรือศิษย์ปัจจุบัน หากประสบความเดือดร้อนทั้งอัคคีภัย อุทกภัยหรือเรื่องอื่นๆ พวกเราจะหยิบยื่นความช่วยเหลือไปสู่ เขาเหล่านั้นได้ ที่สำคัญจะเป็นส่วนสำคัญ ให้รุ่นน้องที่ขาดโอกาส ได้เดินตามฝัน และประสบผลสำเร็จเช่นเราทุกคน ดอกชงโค ช่อนี้ จะบานสะพรั่ง จะงดงามเพียงใด อยู่ที่พวกเราทุกคนสมานสามัคคีกัน สมาคมศิษย์เก่าจะเป็นช่องทางหนึ่ง ที่พวกเราจะได้ไถ่ถาม สื่อสารกันไม่ขาดหาย สุภาษิต ท่านว่า นกต้องมีขน คนต้องมีพวก.
