ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการ“ล่าลวงหลอก” ขุดรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับกุมผู้ต้องหา 9 ราย ทำหน้าที่กดเงินและเปิดบัญชีม้า พร้อมยึดทรัพย์รวมกว่า 10 ล้านบาท
วันนี้ (15 ส.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.นิคม ชัยเจริญ ผกก.3 บก.สอท.3 พ.ต.ท.ไพรวัลย์ อายุวงษ์ รอง ผกก.3 บก.สอท.3 แถลงผลการปฏิบัติการ “ล่าลวงหลอก” ขุดรากถอนโคนขบวนการ Call Center ในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จับกุมผู้ต้องหา 9 ราย แบ่งเป็นกลุ่มกดเงิน ประกอบด้วย น.ส.พลอยมณี (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี นายอาโล (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี น.ส.ธิติกานต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี น.ส.อรดี (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี และกลุ่มผู้รับจ้างเป็นบัญชีม้า ประกอบด้วย น.ส.พิมานมาศ (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี นายพนมวัน (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี นายวีรชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี น.ส.ศิริพร (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี และ นายธนพล (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี พร้อมยึดของกลาง เงินสด 1,058,620 บาท รถยนต์ 2 คัน มูลค่า 3.2 ล้าน รถจักรยานยนต์ 1 คัน คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง โทรศัพท์17 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารพร้อมบัตรเอทีเอ็ม โดยสามารถอายัดเงินในบัญชีได้รวม 1,500,000 บาท และของกลางอื่นๆ อีกกว่า 130 รายการ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1-4 ส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายถูกขบวนการคอลเซ็นเตอร์ อ้างตัวเป็นพนักงานส่งพัสดุเอกชนเคอร์รี่ ระบุมีสิ่งของในพัสดุที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด โดยพัสดุดังกล่าวถูกส่งจากต้นทางจังหวัดตาก และปลายทางจังหวัดอุบลราชธานี โดยปรากฏชื่อผู้เสียหายเป็นผู้ส่งพัสดุ จากนั้นคนร้ายจึงแจ้งให้ผู้เสียหายติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ โดยให้วิดีโอคอลคุยกับปลายสาย ซึ่งอ้างตัวเป็น ผกก.สภ.เมืองตาก หลอกสอบถามข้อมูลส่วนตัวและเงินในบัญชีของผู้เสียหาย รวมถึงพูดจาหว่านล้อมให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่ามีการกระทำความผิดจริง
โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อเป็นการตรวจสอบ รวมทั้งสิ้น 9 ครั้ง เป็นจำนวนเงินกว่า 2,839,298.45 บาท ภายหลังผู้เสียหายเชื่อว่าถูกคนร้ายหลอกให้โอนเงิน จึงแจ้งความร้องทุกข์ได้ทำการสืบสวนแกะรอยเส้นทางการเงินพบมีการกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม บริเวณ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายค้นและหมายจับ ผู้ทำหน้าที่กดเงินสด รวมถึงผู้รับจ้างเปิดบัญชีม้า จำนวนกว่า 15 ราย ก่อนทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้
โดยขบวนการนี้มีการแบ่งงานกันทำ โดยมีกลุ่มควบคุมบัญชีและทำหน้าที่กดเงินสด และกลุ่มผู้รับจ้างเป็นบัญชีม้าโดยมี น.ส.พลอยมณี เป็นหัวหน้าขบวนการทำหน้าที่ในการคุมลูกน้องไปกดเงิน โดยยอดเงินมากที่สุดที่ขบวนการนี้กดเงินวันละ 10 ล้าน ซึ่งตั้งแต่ตั้งปลายปี 2565 จนถึงปัจจุบันมียอดหมุนเวียน 200-300 ล้านบาท
เบื้องต้นนำผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมของกลางดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน โดยขั้นตอนจากนี้จะติดตามผู้เสียหาย พร้อมไล่ล่ายึดทรัพย์เพื่อส่งคืนให้แก่ผู้เสียหายต่อไป