xs
xsm
sm
md
lg

ศึก "บัวขาว" ปะทะ “ปาเกียว” ไฟท์หยุดโลก หรือมวยโชว์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ ศึก "บัวขาว" ปะทะ “ปาเกียว” ไฟท์หยุดโลก หรือมวยโชว์



นับเป็นข่าวใหญ่ที่สร้างความฮือฮา เมื่อบริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ประกาศจัดศึกกำปั้นนัดประวัติศาสตร์ ระหว่าง “บัวขาว บัญชาเมฆ” ยอดมวยไทย อดีตแชมป์ K-1 หลายสมัย กับ แมนนี่ ปาเกียว อดีตราชามวยโลกชาวฟิลิปปินส์ เจ้าของเข็มขัดแชมป์โลกหลายรุ่น หลายสถาบัน ที่แฟนมวยทุกชาติ ทุกภาษารู้จักกันเป็นอย่างดี

โดยทั้งคู่จะสวมนวมขึ้นดวลหมัดกันในแบบมวยสากล 6 ยก ในพิกัดน้ำหนัก 155 ปอนด์ ภายใต้กติกาพิเศษ ทั้งนี้รายการดังกล่าวจะจัดให้มีขึ้นในต้นปีหน้า ภายใต้ชื่อศึกมวยไฟท์ถล่มโลก เดอะ แมทช์ 3 ซึ่งบริษัทเฟรชแอร์ฯ โดยนายวินิจ เลิศรัตน์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเฟรชแอร์ฯ ได้จัดให้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ในการนี้ “แมนนี่ ปาเกียว” อดีตแชมป์โลก ขวัญใจชาวตากาล็อก ได้บินตรงจากกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ มาปรากฏตัวและสัมผัสมือกับ “บัวขาว บัญชาเมฆ” ยอดมวยอมตะ ซึ่งแม้จะมีวัย 41 ปี แต่ยังได้รับการติดต่อให้ถอดเครื่องแบบ นายทหารยศร้อยโท ของกองทัพบกเพื่อหวนกลับมาสวมนวมใส่แองเกิ้ล ขึ้นเวทีในการชกรายการพิเศษอยู่เป็นระยะ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีค่าตัวในการชกเพียง 3 ยก เป็นตัวเลข 6 หลัก และสูงที่สุดในบรรดานักมวยไทยในปัจจุบัน

ส่วนแมนนี่ ปาเกียว เจ้าของฉายา “เดอะ แพ็คแมน” วัย 42 ปี อดีตแชมป์เปี้ยนโลก 8 รุ่นหลังแขวนนวมอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2021 โดยเป็นฝ่ายปราชัยให้กับยอร์เดนิส อูร์กัส นักชกคิวบา ชวดตำแหน่งรุ่น เวลเตอร์ เวท ของสมาคมมวยโลก หรือ WBA

“เดอะ แพ็คแมน” ก็ไม่เคยหวนคืนสังเวียนอีกเลย แต่ได้เดินหน้าเข้าสู่เวทีการเมืองอย่างเต็มตัวจนได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาและเตรียมลงชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2022 แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จเพราะผลการเลือกตั้งผู้ที่คว้าตำแหน่งผู้นำคนใหม่ของฟิลิปปินส์คือ คือนาย "บองบอง"เฟอร์ดินาน มากอส จูเนียร์ บุตรชายของ เฟอร์ดินาน มาร์กอส อดีตประธานาธิบดี จอมเผด็จการ ที่ใช้กฎอัยการศึกปกครองประเทศนานถึง 10 ปี

นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า การพลาดหวังจากการเป็นประธานาธิบดี ที่มาจากอดีตนักมวยแชมป์โลก ไม่น่าจะใช่สาเหตุที่ทำให้ปาเกียวตัดสินใจกลับมาชกมวยรายการพิเศษที่มีกำหนดเพียง 6 ยก เพื่อพิสูจน์ฝีมือกับ “ยอดมวยต่างแบบ” ที่ไม่เคยชกมวยสากลอาชีพมาก่อนอย่างบัวขาว บัญชาเมฆ

แต่เหตุผลที่แท้จริงน่าจะมาจาก “เงินรางวัล” อันเป็นค่าตอบแทนในการข้ามเชือกกั้นขึ้นสู่เวทีผืนผ้าใบอีกครั้ง ซึ่งประมาณกันว่า ตัวเลขคงอยู่ที่หลายร้อยล้านบาท ต่อการชกเพียง 6 ยก เท่านั้นหรือเท่ากับครึ่งเดียว ของการชกชิงแชมป์โลกซึ่งกำหนดไว้ 12 ยก

สำหรับประเด็นข้อสงสัยที่ว่าบัวขาวจะสามารถแลกหมัดกับปาเกียว ได้อย่างสูสีดุเดือดหรือไม่คงต้องดูจากสถิติของทั้งคู่เป็นอย่างแรก

ทั้งนี้ปาเกียวชกมวยสากลอาชีพมาทั้งสิ้น 72 ครั้ง ตั้งแต่ปี 1995 ชนะ 62 ครั้ง แพ้ 8 ครั้ง เสมอ 2 ครั้ง โดยในชัยชนะ 62 ครั้ง เป็นการชนะน็อคถึง 39 ครั้ง

ส่วนบัวขาว นักชกจากอำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ เป็นเจ้าของสถิติการชก 330 ครั้ง ทั้งในแบบมวยไทย 5 ยกและมวย K-1 ที่ชกกันเพียง 3 ยก ชนะ 295 ครั้ง โดยเป็นการชนะน็อค 72 ครั้ง แพ้คะแนน 23 ครั้ง และเสมอ 12 ครั้ง โดยครั้งสุดท้าย บัวขาวกลับมาขึ้นชกที่เวทีราชดำเนินเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ปีที่ผ่านมา และเป็นฝ่ายชนะน็อค โคตะ มิอุระ ในยกสุดท้ายของการชก ที่กำหนดไว้ 3 ยก

ดังนั้นหากเปรียบเทียบสถิติกันแล้ว แม้จะไม่เคยชกสากลอาชีพ แต่ต้องถือว่า “กระดูกมวย”ของบัวขาว แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าแชมป์โลกเข็มขัด 8 เส้น อย่างปาเกียว หากเดินหน้าเข้าแลกกันแบบหมัดต่อหมัด บัวขาวก็คงไม่เป็นรองปาเกียวมากนัก

ปัญหาก็คือ ปาเกียวจะชกในสไตล์ไหนกับบัวขาว ระหว่าง “ไฟเตอร์” กับ “บ๊อกเซอร์” ซึ่งอย่างหลังปาเกียวมีเบสิค เชิงชกวงในแบบมวยสากล ที่เหนือกว่าบัวขาว อย่างแน่นอนและหากปาเกียว เลือกสไตล์ “บ๊อกเซอร์” ที่ใช้ทั้งการฟุตเวิร์ค การโยกตัว ทั้งในจังหวะเข้าทำ และหลบหลีกหมัดของคู่ต่อสู้ กำปั้นของบัวขาวก็อาจจะไม่ระคายผิวของปาเกียวเลยก็ได้ และความดุเด็ดเผ็ดมันของศึกครั้งนี้ ก็อาจจะไม่เร้าใจอย่างที่แฟนมวยทั้งโลกคาดไว้

อย่างไรก็ตามบ้วขาวได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ว่า เขาใฝ่ฝันที่จะได้ชกกับ “ซุปเปอร์สตาร์” ในวงการมวยอย่างปาเกียว สักครั้งก่อนแขวนนวมอย่างถาวร ให้ในศึกครั้งนี้เขามั่นใจว่า จะส่งปาเกียวลงไปนอนวัดพื้นเวทีให้ได้อย่างแน่นอน

การชกระหว่าง “ยอดมวยต่างแบบ” บัวขาวกับปาเกียว ซึ่งคาดว่าอาจจะมีขึ้นที่สหรัฐอเมริกาและถ่ายทอดไปทั่วโลก ทำให้หวนรำลึกถึงการต่อสู้ระหว่างยอดมวยต่างแบบในอดีตเมื่อ 47 ปีที่แล้ว โดยในครั้งนั้น เป็นการพบกันระหว่าแคสเซียส เคลย์ หรือที่ทั่วโลกรู้จักกันในชื่อของมูฮัมหมัด อาลีแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวท เจ้าของสมญา “สิงห์จอมโว” กับอันโตนิโอ อิโนกิ แชมป์มวยปล้ำ ชาวญี่ปุ่น ผู้โด่งดัง ซึ่งจัดให้มีขึ้นที่เวทีบูโดกันกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 1976 และมีการถ่ายทอดไปทั่วโลก โดยการชกกำหนดไว้ 15 ยก และใช้กติกาพิเศษคือ หากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายแตะเชือกกั้นเวที กรรมการจะแยกทั้งคู่ออกจากกัน

ก่อนการชกจะเริ่มขึ้น ผู้ชมคาดว่าจะได้เห็นการต่อสู้อันดุเดือดของยอดมวยที่มีทักษะแตกต่างกัน แต่แล้วตลอดทั้ง 15 ยก กลับกลายเป็นเหมือนกับการแสดงโชว์ โดย อิโนกิ ยอดมวยปล้ำพยายามที่จะทำให้อาลี ล้มลงไปนอนกับพื้นเวที เพื่อที่จะใช้ชั้นเชิงของมวยปล้ำ และท่าไม้ตายเข้าไปล็อคตัว หรือแขนขาของอาลีให้ดิ้นไม่หลุดและแพ้น็อคไป

แต่ยอดแชมป์โลกจอมโม้ อย่างอาลีที่เพิ่งชนะโจฟราเซีย อดีตแชมป์โลกรุ่นเดียวกัน ในการชกกันครั้งที่ 3 ไม่ยอมให้ อิโนกิได้ทำเช่นนั้น และใช้วิธีเต้นฟุตเวิรค ไปรอบๆ ตัวอิโนกิ ที่นอนอยู่บนพื้นเกือบตลอดเวลา พร้อมกับร้องท้าทาย ให้อิโนกิ ลุกขึ้นมาแลกหมัดกับเขา

และแม้ว่าบางจังหวะอิโนกิจะสามารถ ใช้ขาเกี่ยวอาลีให้ล้มลงและพยายามจะล็อค ด้วยท่า ต่างๆ ของมวยปล้ำ แต่แชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวท ก็จะใช้วิธีเอื้อมมือหรือเหวี่ยงเท้า ไปแตะเชือกกั้นเวที เพื่อให้กรรมการเข้าแยก และทั้งคู่ต้องลุกขึ้นมาทำการต่อสู้กันใหม่

แต่เมื่อกรรมการสับมือให้เริ่มการชกเพียงไม่กี่อึดใจ อิโนกิ ยอดมวยปล้ำ ก็จะทิ้งตัวลงไปนอนบนพื้นเวที และหาทางทำให้แชมป์โลก ซึ่งเป็นอเมริกันนิโกร ผู้มีสโลแกนประจำตัวว่า “ต่อยเจ็บเหมือนผึ้ง โบยบินเหมือนผีเสื้อ” ล้มลงอีกครั้ง วนเวียนอยู่เช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งการชกยุติ และจบลงด้วยการเสมอท่ามกลางเสียงก่นด่าของคนทั้งโลกว่า เป็นมวยปาหี่ หรือการแสดงโชว์ ที่หลอกลวงคนดู เสียทั้งเวลาและความรู้สึก พร้อมๆ กับชื่อเสียงของยอดนักสู้ทั้งสองต้องมัวหมองลงอย่างช่วยไม่ได้

เพราะอาลีใช้ “ปาก” แทนกำปั้นในการชกขณะที่อิโนกิ ใช้การ “นอน” แทนการยืนสู้อย่างที่ควรกระทำ

ด้วยเหตุนี้ ศึกมวยไฟท์ถล่มโลก “เดอะ แมทช์ 3” ระหว่าง บัวขาว บัญชาเมฆ เจ้าของฉายาดำ “ดอทคอม” กับแมนนี่ ปาเกียว เจ้าของสมญา “เดอะแพ็คแมน” ที่กำลังจะระเบิดขึ้น ต้อนรับศักราชใหม่

จึงเป็นศึกที่รอพิสูจน์ว่า จะเป็นรายการ “ไฟท์หยุดโลก” หรือโชว์ “เอ็นเตอร์เทน” ซึ่งจะรู้กันอย่างแน่นอน เมื่อวันชกมาถึง

--------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )

ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น