xs
xsm
sm
md
lg

รุดช่วย ด.ญ. 5 ขวบ ถูกแม่ทาสยาทุบตี หัวแตก ฟกช้ำ หูฉีก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ทีมงานสายไหมต้องรอด พร้อมตำรวจ สน.คันนายาว และ พม. เข้าช่วยเหลือ ด.ญ.วัย 5 ขวบ ถูกแม่แท้ๆเมายาเสพติดทำร้ายทุบตีหัวแตก เนื้อตัวฟกช้ำ ใบหูซ้ายฉีกขาด

วันนี้ (22 ก.ค.) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด นำทีมพร้อมกับตำรวจ สน.คันนายาว และเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้าให้ความช่วยเหลือน้องนูรีน เด็กหญิงวัย 5 ขวบ ในซอยพระยาสุเรนทร์ 30 แยก 9 เขตคันนายาว หลังเมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) ช่วงค่ำ ทางทีมได้รับแจ้งจากพลเมืองดีและคุณยายว่า น้องถูก น.ส.ส้ม อายุ 24 ปี ผู้เป็นแม่ ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า ลำตัว และหูด้านซ้ายฉีกขาด

โดยทันทีที่ทีมข่าวลงพื้นที่พบว่า น้องได้มาพักอาศัยชั่วอยู่กับยายและพลเมืองดีในท้องที่ สน.คันนายาว สภาพมีบาดแผลฟกช้ำทั่วร่างกาย และมีอาการเหม่อลอย จากนั้นเจ้าหน้าที่ พม. และทีมสายไหมต้องรอด ได้เข้าไปพูดคุยกับเด็กและยาย ก่อนจะพานำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ระบุว่า ทันทีที่ได้รับแจ้งจึงรีบประสานตำรวจและเจ้าหน้าที่ พม. ให้เข้าช่วยเหลือ เบื้องต้นได้รับแจ้งว่าเด็กถูกแม่แท้ๆ ทุบตีและทำร้ายร่างกายเป็นประจำ จนมีบาดแผลฟกช้ำตามร่างกาย หนักสุดคือน้องถูกแม่ปาโทรศัพท์ใส่ศีรษะจนปูดบวม และบิดหูข้างซ้ายจนมีบาดแผลฉีกขาด

นอกจากนี้ตัวแม่เด็กมีพฤติกรรมเสพยาเสพติด สาเหตุที่ทำร้ายร่างกายลูกเกิดจากการเมายา อีกทั้งตัวน้องไม่ได้เรียนหนังสือ เนื่องจากถูกเลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลย ตนจึงประสานให้เจ้าหน้าที่ พม. มานำตัวเด็กไปดูแลสงเคราะห์ตามกฎหมาย และอยากให้ตำรวจนำตัวแม่เด็กไปดำเนินคดี เนื่องจากทราบว่าตัวแม่เด็กมีลูกเล็กวัย 8 เดือนอีกคนหนึ่ง ซึ่งตนกังวลเรื่องความปลอดภัย อยากให้อยู่ในการสงเคราะห์ของทาง พม.

อีกทั้งอยากให้ตำรวจ สน.บางชัน ซึ่งเป็นท้องที่ที่แม่เด็กพักอาศัยและทำร้ายร่างกายลูก นำตัวแม่เด็กไปตรวจสารเสพติด และตรวจสอบว่าแม่เด็กได้ยาเสพติดมาจากใคร รวมทั้งฝากกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ด้วย

ด้านคุณนภัสวรรณ แย้มเมือง เจ้าหน้าที่ พม. ระบุว่า จากการพูดคุยกับ น้องนูรีนก็พูดอย่างชัดเจนว่า ถูกแม่ทำร้าย หลังจากนี้ต้องพูดคุยกับเด็กเพื่อหาสาเหตุและรายละเอียดของการทำร้ายร่างกาย เบื้องต้นทาง พม. จะรับตัวน้องนูรีนไปอยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลที่บ้านเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งจะพาไปตรวจร่างกายและสภาพจิตใจ รวมถึงประเมินการให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์ด้านการศึกษาและที่พักอาศัย นอกจากนี้ต้องประเมินเด็ก 8 เดือน ซึ่งเป็นลูกของผู้ก่อเหตุอีกคนว่าสมควรจะอยู่ในการคุ้มครองของทาง พม. หรือไม่

ด้าน น.ส.ลัดดา อายุ 42 ปี พลเมืองดีในชุมชน ผู้แจ้งเหตุดังกล่าวเปิดเผยว่า น้องนูรีนถูกทำร้ายร่างกายจากแม่แท้ๆ เป็นประจำ ก่อนหน้านี้เวลาเจอกันน้องจะบอกประจำว่าถูกแม่ทำร้ายร่างกาย ทั้งทุบตี หัวโขกบ้าง ซึ่งตนสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่เจอกัน น้องจะมีรอยช้ำเขียวตามตัว ศีรษะบวม บางครั้งเห็นรอยเล็บใต้ตา

กระทั่งเมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) ลูกชายมาบอกตนว่าเห็นน้องนูรีนถูกทำร้ายร่างกาย อยู่ในสภาพรอยช้ำตามตัว ศีรษะแตก เมื่อตนได้พูดคุยกับยายของเด็ก ทางยายขอให้ช่วยเหลือ แต่ตนทำอะไรไม่ได้ เลยประสานกับทีมสายไหมต้องรอดให้มาช่วยเหลือ

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกตกใจ คิดว่าทำไมแม่เด็กชอบทำร้ายร่างกายลูกในไส้ของตนเอง บางครั้งถึงขั้นตบศีรษะ เอาศีรษะโขกกำแพงก็มี ที่ผ่านมาตนยอมรับว่าไม่เคยคุยกับแม่เด็ก เพราะเขาเป็นคนที่ไม่รับฟังใคร ไม่ยอมรับความจริง ตนจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากนัก ส่วนสาเหตุที่ทำร้ายร่างกาย ตนไม่ทราบแน่ชัด แต่จากที่คุยกับน้อง น้องบอกว่ามักถูกทุบตีเวลาน้องเล่นกันเสียงดัง จนแม่เด็กไม่พอใจ เพราะแม่เด็กเองติดนิสัยการนอน ไม่ชอบเสียงรบกวน

การกระทำในครั้งนี้ทำให้ตนรู้สึกกังวล เนื่องจากนางสาวส้มเองก็มีลูกเล็กวัย 8 เดือน อีก 1 คน ซึ่งเด็กคนนี้มีอาการโรคปอด เพราะถูกเลี้ยงดูอย่างปล่อยปละละเลย ไม่สนใจลูก ปล่อยให้ร้องตลอดเวลา อีกทั้งน้องนูรีนเอง ตนรู้สึกสงสาร เพราะไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดี ไม่ได้ส่งเสียเรียนหนังสือ ตัวพ่อแม่เองก็แยกกันอยู่ แม่เด็กไม่ประกอบอาชีพใดๆ มีแต่พ่อเด็กที่ทำงานที่เชียงใหม่ส่งเงินมาให้ ตนรู้สึกสงสารเด็กคนนี้มาก เคยจะช่วยพาเข้าเรียน แต่ไม่ใช่ผู้ปกครองตามกฎหมายจึงไม่มีสิทธิ

ส่วนเรื่องยาเสพติด ตนไม่มั่นใจว่าแม่เด็กมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบ พร้อมฝากถึงแม่เด็กว่าคุณไม่สงสารลูกตัวเองหรือ อุตส่าห์คลอดเขาออกมาแต่ไม่ดูแลให้ดีเท่าที่ควร ทำร้ายร่างกายเด็กทำไม กลัวว่าเด็กโตไปจะเป็นเด็กเก็บกดจากการถูกทำร้ายร่างกายได้ อยากให้เขาอยู่ในความดูแลของ พม. และมีอนาคตที่ดีกว่านี้

นิกจากนี้ทางทีมสายไหมต้องรอด พร้อมตำรวจ สน.คันนายาว และเจ้าหน้าที่ พม. ได้เข้าไปตรวจห้องเช่าห้องหนึ่งที่เกิดเหตุ ห่างจากบ้านของพลเมืองดีที่น้องหลบหนีมาอยู่ด้วยประมาณ 600 เมตร ในท้องที่ สน.บางชัน โดยทันทีที่เจ้าหน้าที่เข้าไปถึงได้เชิญตัว น.ส.ส้ม แม่ของเด็ก วัย 24 ปี ออกมาพูดคุย ก่อนจะพบผ้าอ้อมเปื้อนเลือด ซึ่งคาดว่าเป็นเลือดของน้องนูรีน พร้อมกับอุปกรณ์ทำแผล

หลังจากนั้นยายของเด็กได้นำตัว น.ส.ส้ม ไปพูดคุยกันภายในบ้าน ซึ่งบรรยากาศการพูดคุยของทั้งสองต่างคนต่างร้องไห้ ก่อนทางแม่เด็กพร้อมยาย จะเดินออกมาจากบ้านเพื่อชี้แจงผ่านสื่อมวลชน

โดย น.ส.ส้ม ยอมรับผิดในสิ่งที่ทำลงไป สารภาพว่าก่อนเกิดเหตุเสพยาก่อนจะลงมือทำร้ายร่างกายลูก ประกอบกับตนเกิดอารมณ์โมโหจากการที่น้องนูรีนไม่ช่วยดูแลน้องวัย 8 เดือน ที่กำลังร้อง แต่น้องนูรีนกลับหยิบโทรศัพท์มาเล่น ตนเลยคว้าโทรศัพท์มาเขวี้ยงใส่น้องนูรีนและทุบตี ส่วนบาดแผลที่หูนั้นตนไม่ทราบว่าไปโดนอะไรมา แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนทำ

น.ส.ส้ม ยังรับอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนตีลูกหลายครั้ง แต่ทำไปเพราะอารมณ์โมโหและฤทธิ์ยาเสพติด หลังจากนี้ตนสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แล้วจะยินยอมเข้าสู่กระบวนการบำบัด รวมทั้งกล่าวขอโทษต่อสังคม ตนรู้สึกสำนึกผิดหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อคืนนี้หลังจากลูกออกจากบ้าน ตนยังติดต่อกับยายเด็กว่าขอเอาลูกกลับมา ตนรู้สึกผิดไปแล้ว น.ส.ส้ม ยังขอโอกาสดูแลลูกหลังจากนี้ แต่ทางแม่ของ น.ส.ส้ม ปฏิเสธ อ้างว่า น.ส.ส้ม ทุบตีลูกหลายครั้งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

จากนั้นตำรวจ สน.คันนายาว นำตัวแม่เด็ก พร้อมยาย ไปส่งให้พนักงานสอบสวน สน.บางชัน ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อรอการเข้าแจ้งความจากเจ้าหน้าที่ พม. และสอบปากคำต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น