สตม.จับหนุ่มชาวจีน แก๊งหลอกเช่ารถไปจำนำ เสียหายกว่า 100 ล้านบาท หลังก่อคดีหนีเข้ามาในไทย แอบขายสินค้าออนไลน์ไม่ได้มาตรฐาน
วันนี้ (21 ก.ค.) พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม. พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม. พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมชายชาวจีน แก๊งหลอกเช่ารถไปจำนำ ความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท หลังหนีคดีหลบหนีเข้ามาประเทศไทย แอบเปิดร้านขายสินค้าไม่ได้มาตรฐานบนแอพพลิเคชั่นดัง ตรวจยึดสินค้ากว่า 1000 ชิ้น มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด สตม. ได้รับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหารายสำคัญ 1 ราย คือ นายเจิ้ง (นามสมมติ) อายุ 37 ปี สัญชาติจีน เป็นแก๊งหลอกเช่ารถแล้วนำรถไปจำนำแก่บุคคลอื่น มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท จากการสืบสวนพบแอบทำการเปิดร้านขายสินค้าไม่ได้มาตรฐานบนช่องทางออนไลน์ ตรวจยึดสินค้ากว่า 1000 ชิ้น มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
จากนั้น บก.สส.สตม. พร้อม กก.สส.บก.ตม.1 จึงได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม นายเจิ้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายจนทราบว่า นายเจิ้ง ได้ถือหนังสือเดินทางสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าประเทศไทย ด้วยวีซ่า NON-90 หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านแห่งหนึ่งย่านบางแค และยังมีพฤติกรรมแอบจำหน่ายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เฝ้ารอจนพบบุคคลลักษณะคล้าย นายเจิ้ง จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่และขอทำการตรวจสอบ พบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน จึงได้การเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยให้ นายเจิ้ง ทราบ จากนั้น นายเจิ้ง ได้พาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจสอบบ้านพัก จากการตรวจสอบพบสินค้า POWERBANK ที่ไม่มีการประทับตรา มอก. จำนวนกว่า 1000 ชิ้น และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับการจัดการร้านค้า รับออเดอร์จากลูกค้า และกล่องพัสดุที่ใช้สำหรับแพ็คสินค้าส่งให้ลูกค้า รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท จึงได้ทำการตรวจยึด และได้นำตัว นายเจิ้ง ส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป