ตำรวจสืบสวนนครบาลจับสาววัย 32 ปี หลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนมหลายยี่ห้อ ออกอุบายให้เหยื่อโอนเงินเข้าบัญชีร้านอื่น เพื่อเลี่ยงการถูกจับ เสียหายกว่า 2 ล้าน
วันนี้ (13 ก.ค.) ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น.
โดยได้รับแจ้งเบาะแสติดตามจับกุม นางสาวสุนันทา หรือ แอปเปิ้ล ได้ยัดเยียดความผิดให้ผู้บริสุทธิ์ ส่วนตนเองหนีลอยนวล โดยมีพฤติกรรมเปิดร้านค้าขายกระเป๋าแบรนด์เนมผ่านช่องทางอินสตราแกรม และเพจเฟซบุ๊ก เมื่อเหยื่อติดต่อขอซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม คนร้ายจะส่งเลขที่บัญชีธนาคารของร้านค้าอื่น (ซึ่งเป็นอีกกลุ่มผู้เสียหาย) เช่น ร้านเสริมสวย เครื่องสำอาง หรือ พวงมาลัยเงินสด จากนั้นเมื่อเหยื่อโอนเงินไปให้บัญชีร้านค้านั้นๆ แล้ว คนร้ายจะขอสลิปโอนเงินแล้วนำไปส่งให้ร้านค้า โดยแจ้งกับร้านค้าว่า พี่สาว หรือ พี่ชาย ของตน เป็นคนโอนเงินไปให้แล้ว เมื่อร้านค้าได้เงินเสร็จเรียบร้อยก็จัดส่งสินค้าให้คนร้าย โดยเหยื่อกลุ่มที่โอนเงินเพื่อสั่งซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ไม่ได้รับสินค้าจากคนร้ายและโดนบล็อกช่องทางการติดต่อ จึงเข้าใจว่า บัญชีธนาคารของร้านค้าที่คนร้ายส่งให้ (กลุ่มที่คนร้ายซื้อหรือใช้บริการ) นั้นเป็นบัญชีคนร้าย จึงได้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของบัญชีร้านค้า สร้างความเสียหาย 2 ล้านบาท และประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกดำเนินคดี
โดยเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. และชุด PCT5 ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม นางสาวสุนันทา หรือแอปเปิ้ล อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 8 ตำบลจังหาร อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด
ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 3 หมายจับ ดังนี้ 1. หมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.94/2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน พื้นที่ สภ.แสนสุข ภ.จว.ชลบุรี 2. หมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.146/2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน และโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ พื้นที่ สภ.บางเลน ภ.จว.นครปฐม 3. หมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 103/2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาและฉ้อโกงผู้อื่น พื้นที่ สภ.วังน้อย ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา
โดยพฤติกรรมของผู้ต้องหาจงใจสับขาหลอกเพื่ออำพรางมิให้เจ้าหน้าที่สืบสาวถึงตนเองได้ ด้วยความฉลาดแกมโกงของผู้ต้องหารายนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช เล็งเห็นถึงความอันตราย เพราะไม่เพียงแต่หลอกลวงทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน แต่ยังทำให้ผู้บริสุทธิ์คนอื่นๆต้องรับเคราะห์กรรมที่ไม่ได้ก่อไปด้วย จึงส่ง พ.ต.ท.สมพงษ์ พร้อมทีมสืบสวนชุดสืบนครบาล และ PCT5 ลงพื้นที่สืบสวนเป็นเวลาหลายวันกระทั่ง วันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.15 น. สามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณกลางซอยเอกชัย 47 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่า เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เดิมทีประกอบอาชีพขายเสื้อผ้าแฟชั่นตามงานกาชาดประจำปีตามจังหวัดต่างๆ ต่อมาเมื่อมีสถานการณ์โควิดระบาดจึงเปลี่ยนมาประกอบอาชีพขายอาหารอีสานในพื้นที่จังหวัดยโสธร ก่อนจะหันมาเปิดรับพรีออเดอร์กระเป๋าแบรนด์เนมหลายยี่ห้อ แต่เนื่องจากประสบปัญหาทางการเงิน หมุนเงินไม่ทันใช้จ่ายในครอบครัว จึงนำเงินที่ได้จากลูกค้าที่พรีออเด้อมาใช้ก่อนในช่วง 1 ปี แรก
ต่อมาช่วงปีที่ 2 ที่ก่อเหตุ จึงคิดวิธีการเพื่อที่จะไม่ใช้บัญชีธนาคารของตนรับเงินจากลูกค้าโดยตรง คือ เมื่อมีลูกค้าสั่งกระเป๋า รองเท้า อุปกรณ์ IT ตนจะส่งเลขที่บัญชีธนาคารของร้านค้าอื่นที่ตนจะใช้บริการ หรือสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เช่นกัน เช่น ร้านเสริมสวย ร้านเครื่องสำอางค์ ร้านพวงมาลัยเงินสด ไปให้เหยื่อกลุ่มที่ต้องการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม รองเท้า อุปกรณ์ IT โอนเงิน จากนั้นเมื่อเหยื่อโอนเงินไปให้บัญชีร้านค้านั้นๆ แล้ว ตนจะขอสลิปโอนเงินนั้นแล้วนำไปส่งให้ร้านค้าที่ตนใช้บริการและแจ้งร้านค้านั้นว่า พี่สาว หรือ พี่ชาย ของตน เป็นคนโอนเงินไปให้แล้ว เมื่อร้านค้าได้เงินเสร็จเรียบร้อยก็จัดส่งสินค้าให้ตน และตนก็จะทำการบล็อคช่องทางติดต่อกับลูกค้าที่สั่งซื้อกระเป๋าแบนด์เนม รองเท้า อุปกรณ์ IT ที่ผ่านมาก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 64 มูลค่าความเสียหายต่อราย รายละ 6,000-8,000 บาท มีลูกค้าหลงเชื่อสัปดาห์ละ 3-4 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2,000,000 บาท
โดยภายหลังเสร็จสิ้นการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.แสนสุข ภ.จว.ชลบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และประสานให้พนักงานสอบสวน สภ.บางเลน ภ.จว.นครปฐม และ สภ.วังน้อย ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา อายัดตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ยังกล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย อย่างเห็นแต่สินค้าที่มีราคาถูกกว่าราคาตามท้องตลาดที่ควรจะเป็น ควรมีสติวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม กลโกง หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ ผบ.ตร. และ ผบช.น.