xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : "ก้าวไกล" สิ้นคิด "พิธา" ใช้เด็ก 10 ขวบเป็นเหยื่อการเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันอังคารที่ 11 กรกฎาคม 2566 ตอน "ก้าวไกล" สิ้นคิด "พิธา" ใช้เด็ก 10 ขวบเป็นเหยื่อการเมือง



นับถอยหลังใกล้ถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในสภามากขึ้นเท่าไร นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ก็ยิ่งออกอาการดิ้นพล่านงัดวิชามารในทุกรูปแบบ ออกมาใช้ในการสร้างกระแสปลุกระดมมวลชน

เพื่อกดดันไปยัง 250 สว. ซึ่งเป็นปราการด่านหิน ที่จะไม่ยกมือสนับสนุนให้ตนเองก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำคนที่ 30 ของประเทศไทย

ล่าสุด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลและนายพิธา ได้ทำในสิ่งที่เลวร้ายและเรียกได้ว่า เป็นความอัปยศที่สุด

นั่นคือการจูงเด็ก 10 ขวบ ขึ้นบนเวทีปราศรัยหน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์ ใจกลางกรุงเทพมหานคร เพียงเพราะต้องการให้ “เหยื่อบริสุทธิ์” ผู้นั้นเอ่ยถ้อยคำว่า “อยากให้พิธาเป็นนายกฯ”

แม้ในวินาทีที่เสียงใสซื่อหลุดจากปากของเด็กน้อย จะเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดกระหึ่มจากด้อมส้ม ที่รายล้อมอยู่รอบเวทีหลายพันคน แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือ เสียงก่นด่าที่พุ่งมาจากรอบทิศ กับการกระทำอันไร้จิตสำนึกแบบคนสิ้นคิดของนายพิธา

ซึ่งเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาว่าด้วย “สิทธิเด็ก” (Convention on the Rights of the Child) ของสหประชาชาติ ในปี 2532 และมีการลงนามรับรองจากรัฐบาล 196 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งรัฐบาลไทยด้วย

ทั้งนี้ในอนุสัญญาดังกล่าว กำหนดเนื้อหาไว้ 54 ข้อ ประกอบไปด้วยสาระสำคัญเกี่ยวกับเด็กอันหมายถึงผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งจะต้องได้รับการคุ้มครองปกป้องสิทธิ์ในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการคุ้มครองจากการแสวงประโยชน์กับเด็กในทุกรูปแบบ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีก้าวไกลเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม เป็นการละเมิดอนุสัญญาดังกล่าวอย่างชัดแจ้งและเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนโดยไม่มีการเหนียมอายอีกต่อไป

ทั้งที่ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลได้แฝงตัวดำเนินการในลักษณะดังกล่าวมาโดยตลอด ด้วยการยัดเยียดปลุกระดมแนวคิดทางการเมืองตามโรงเรียนต่างๆ ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมัธยม ทั้งที่โรงเรียนจะต้องเป็นเขตปลอดการเมืองเช่นเดียวกับวัดและโรงพยาบาล

แต่พรรคก้าวไกล ก็ใช้วิธีการแทรกซึมผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และขยายผลอย่างไม่หยุดยั้ง จนประสบผลตามต้องการจะเห็นได้จาก การจัดพานพุ่มในพิธีไหว้ครูซึ่งเด็กๆ สามารถออกแบบได้อย่างอิสระตามประเพณีที่สืบทอดกันมานาน กลับมีเด็กนักเรียนจัดพานพุ่มเป็นรูปนายพิธา แล้วนำมาไหว้ครูอย่างหน้าชื่นตาบาน

หากกรณีดังกล่าวเป็นเสมือน “ฝีกลัดหนอง” เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนที่ถูกเพาะบ่มโดยพรรคก้าวไกลมานาน ฝีเม็ดนั้น ก็ถึงคราวแตกเม็ดหนองไหลบนเวทีหน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ดังที่กล่าวมาข้างต้นจนนำมาซึ่งเสียงก่นด่าแบบสหบาทารอบทิศ

ไม่เว้นแม้แต่นายสมศักดิ์ เจียม ซึ่งเป็นปีกเดียวกับพรรคก้าวไกลยังไม่เห็นด้วยและโพสต์ข้อความแบบ ไร้ไมตรีไปยังฝ่ายเดียวกันว่า

“ผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบแล้วให้เด็กไปพูด เท่ากับเป็นผู้ใหญ่ที่ขี้ขลาด คืออยากจะแสดงความคิดเห็นดังกล่าว แต่ให้เด็กพูดบอกว่า “ก็เรื่องของเด็ก” ครั้นฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยจะทำอะไรเด็กก็ทำไม่ได้ จะทำอะไรผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ โดยสรุปแล้วเป็นผู้ใหญ่ที่ไร้ความรับผิดชอบโดยแท้”

“เราจึงไม่ให้เด็กขนาดนี้ไปแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะ” นายสมศักดิ์ เจียม ย้ำเช่นนั้น

ขณะที่ นายแทนคุณ จิตอิสระ จากพรรคประชาธิปัตย์ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษย์ชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า เป็นการกระทำที่สิ้นคิดไร้สำนึกทางสิทธิมนุษยชน ขัดต่อหลักการ “กันเด็กออกจากการเมือง”และเด็กต้องได้รับความคุ้มครองจากการแสวงประโยชน์กับเด็กในทุกรูปแบบ ซึ่งระบุไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ที่จัดทำขึ้นในปี 2532 และมีการตอบรับไปทั่วโลก

นายแทนคุณได้เรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐคือ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตลอดจนรัฐสภา เข้ามาตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนายพิธาอย่างชัดแจ้ง

ดังนั้นหากมีการไต่สวนอย่างจริงจัง ผลสรุปอาจระบุได้ว่า นายพิธา ผิดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีโทษถูกตัดสิทธิเหมือนที่ปารีณา ไกรคุปต์ และสิระ เจนจาคะ โดนมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม เชื่อได้เลยว่าหากมีการดำเนินการต่อนายพิธาและพรรคก้าวไกล สิ่งที่ฝ่ายสีส้มจะหยิบมาต่อสู้ ก็คือการกล่าวอ้างว่า “นายกลุงตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เคยทำเช่นนั้น โดยเปิดโอกาสให้เด็กๆ มอบช่อดอกไม้ หรือ ถ่ายรูปคู่พร้อมกับพูดว่า ลุงตู่สู้ๆ ขอให้ลุงตู่เป็นนายกฯ และมีการเผยแพร่ผ่านสื่อเช่นกัน

มีคำกล่าวมาช้านานว่า “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” การกระทำของนายพิธาและพรรคก้าวไกลในครั้งนี้จึงเป็น “กรรม” ที่แสดงเจตนาชัดเจนว่า ต้องการใช้เด็กเป็นเครื่องมือทางการเมือง ไม่ต่างอะไรกับประเทศในโลกที่ 3 ที่ใช้เด็กเป็นนักรบติดอาวุธจับปืนเข้าห้ำหั่นกับฝ่ายตรงข้าม

เพียงแต่เด็กไทยที่ถูกพรรคก้าวไกลใช้เป็น “นักรบ” ไม่ได้ใช้ปืนแต่ใช้ “คำพูด” เป็นอาวุธในการสู้รบกับฝ่ายตรงข้ามกับพรรคก้าวไกล

อดทนรออีกเพียงไม่กี่อึดใจ คนไทยก็จะได้รู้กันว่า บ้านเมืองนี้จะมีนายกฯ จากพรรคการเมืองที่มีพฤติกรรมต่ำตม ปลุกระดมมวลชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก และแผ่นดินจะลุกเป็นไฟหรือไม่หากนายพิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

-------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )

ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น