ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาผู้ช่วยพยาบาลเข้าร้องทุกข์กับ รอง ผบ.ตร.หลังอดีตสามีทำร้ายร่างกายต่อหน้าลูก ก่อนจะแจ้งความไปแล้ว แต่ยังถูกตามมารังควานอีก
วันนี้ (8 ก.ค.) ที่สโมสรตำรวจ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหาย เข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.กรณีน.ส.วรรณา (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี ผู้ช่วยพยาบาล โรงพยาบาลภูมิพล ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สายไหม หลังถูกอดีตสามี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เขต ทำร้ายร่างกายต่อหน้าลูกสาววัย 7 ขวบ ซ้ำยังขู่ฆ่าหลายครั้ง โดยได้เข้าแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมาดำเนินคดี
นายเอกภพ กล่าวว่า เนื่องจากทางอดีตสามีก่อเหตุยังก่อเหตุรังควาญต่อเนื่อง หลังสอบปากคำที่โรงพักก็ยังเข้ามาทำร้ายผู้เสียหาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ให้ทางผู้เสียหายเข้ามาเพื่อตรวจสอบและให้ความเป็นธรรม ไม่ให้เหมือนกรณีที่เด็กถูกทำร้ายด้วยไม้เบสบอล
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ต้องสอบรายละเอียดให้ พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม เข้ามาให้ข้อมูล ทำไมถึงไม่มีความคืบหน้า การทำร้ายร่างกายเป็นความผิดอาญา ส่วนทางวินัยก็ต้องคุยกับทางต้นสังกัด หากความผิดกระจ่างชัดต้องดำเนินคดีทันที ส่วนการก่อเหตุบุกทำร้ายหน้าโรงพักอีกครั้ง หากมีการกระทำดังกล่าว ถือว่าเป็นการกระทำไม่ถูกต้อง
ส่วนการร้องขอการดูแลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินการได้ เป็นหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เมื่อมีการดำเนินคดีอย่างจริงจัง ผู้ก่อเหตุต้องหยุดการกระทำดังกล่าวแน่นอน ทั้งนี้ ประชาชนไปที่ไหนก็ต้องพึ่งพาตำรวจได้ที่นั่น ได้กำชับตำรวจโรงพักคาดโทษกรณีประชาชนแจ้งความร้องทุกข์ต้องดูแล แต่ต้องจบที่โรงพักไม่ใช่สโมสรตำรวจ ไกล่เกลี่ยดูแลทางผู้กำกับการต้องลงมาดูด้วยตัวเอง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ตนต้องการทำให้เป็นตัวอย่าง ว่าหากมีเรื่องจะจบอย่างไร จบด้วยการดำเนินคดี หรือการพูดคุยทำความเข้าใจ หากผู้กำกับการโรงพักไหนปล่อยปละละเลยก็จะคาดโทษทางวินัย กรณีดังกล่าวแจ้งข้อหาแล้วยังฝ่าฝืนอีก ต้องแจ้งข้อกล่าวหาอีกต่างกำต่างวาระ และพูดคุยกันว่าหากกระทำความผิดต่อ ทำให้ผู้เสียหายเดือดร้อนอยู่ สามีทำร้ายร่างกายภรรยา ถูกกระทำซ้ำอยู่ต้องดำเนินการตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน ส่วนกรณีดังกล่าวเข้าพ.ร.บ.ครอบครัว ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อนว่ามีความผิดตามข้อกฎหมายดังกล่าวหรือไม่