MGR Online - รองโฆษกดีเอสไอ แจงเร่งตามยึดรถหรู 4 คัน “ชนินทร์” อดีตซีอีโอ STARK เผ่นหนีหมายจับออกนอกประเทศ ส่วนผลตรวจค้น 15 เป้าหมาย ยึดหลักฐานขยายผลเอาผิดบุคคลเกี่ยวข้อง
วันนี้ (7 ก.ค.) เวลา 14.00 น. ณ ห้องรับรองกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ อาคารเอ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ น.ส.พิทยาภรณ์ ชูรัตน์ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงผลการตรวจค้นเป้าหมาย 15 จุด คดีทุจริตหุ้น STARK หรือ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร้องทุกข์กล่าวโทษ 10 ราย อดีตผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และความผิดอาญาอื่นที่อาจเกี่ยวข้องกัน ในคดีพิเศษที่ 57/2566
น.ส.พิทยาภรณ์ กล่าวว่า ดีเอสไอ รับคดีการทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นคดีพิเศษที่ 57/2566 เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.66 พร้อมดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานโดยการออกหมายเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ ได้แก่ บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด , บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ ที่ปรึกษา จำกัด ซึ่งเป็นผู้สอบบัญชี และพนักงานภายในบริษัท รวมถึง เมื่อวันที่ 3 ก.ค. มีการออกหมายเรียก นายชนินทร์ เย็นสุดใจ มาชี้แจงแต่ไม่เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน จึงตรวจสอบประสาน ตม. ปรากฎว่าออกนอกประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นปลายทางเป็นประเทศสิงคโปร์ มีเหตุอันควรเชื่อว่าได้หลบหนี จึงขอออกหมายจับ นายชนินทร์ ในวันที่ 5 ก.ค.
น.ส.พิทยาภรณ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินบางส่วนและอายัดทะเบียนรถยนต์หรู 4 คันของนายชนินทร์ คือ BMW 630i Gran Turismo RHD ทะเบียน 1กญ-0289 กรุงเทพมหานคร / MINI COOPER S Cabrio RHD สีน้ำเงิน ทะเบียน 1ขศ-0042 กรุงเทพมหานคร / MERCEDES BENZ AMG GLA 35 4MATIC สีเทา ทะเบียน 2ขร-1162 กรุงเทพมหานคร / ROLLS-ROYCE DAWN สีดำ ทะเบียน 8 กร-0011 กรุงเทพมหานคร ซึ่งกำลังเร่งติดตาม หากบุคคลใดครอบครองขอให้ส่งมอบมายังดีเอสไอ เพราะอาจถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน หรือสามารถแจ้งเบาะแสมาได้ ทั้งการแจ้งผ่านเว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ แจ้งผ่านสายด่วนของดีเอสไอ เบอร์ 1202 นอกจากนี้ มีการออกหมายเรียก นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ และผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา
น.ส.พิทยาภรณ์ กล่าวอีกว่า ต่อมา วานนี้ (6 ก.ค.) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาลอาญารวมจำนวน 15 จุด เพื่อค้นหาพยานหลักฐานประกอบการสอบสวน รวมถึงเพื่อพบและยึดสิ่งของซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยผิดกฎหมาย โดยเป็นการเข้าตรวจค้นบริษัทจำนวน 5 จุด ได้แก่ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ทีมเอ โฮลดิ้ง จำกัด, บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด, บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่พบการทำธุรกรรมในทางบัญชีและการเงินที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก และเข้าตรวจค้นบ้านซึ่งเป็นที่พักอาศัยและที่มีชื่อของผู้ต้องสงสัยและผู้ที่มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ครอบครองรวมจำนวน 10 จุด
น.ส.พิทยาภรณ์ กล่าวต่อว่า ผลการตรวจค้น คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้พบและยึดสิ่งของที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานในการสอบสวนทั้งเอกสารการทำธุรกรรมต่างๆ ในบริษัท สตาร์คฯ และบริษัทในเครือ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดเก็บไว้ในรูปแบบไฟล์คอมพิวเตอร์ และเอกสารหลักฐานพยานวัตถุอื่นๆ ซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่จะประกอบการสอบสวนและพิสูจน์ถึงพฤติการณ์อันมีลักษณะทุจริต รวมถึงขยายผลไปถึงบุคคลอื่นที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด อีกทั้งได้พบและยึดเงินสด อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า คณะพนักงานสอบสวน กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการสรุปสำนวนคดีมหากาพย์โกงหุ้นสตาร์ค ภายในเวลา 3 เดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จ นำส่งพนักงานอัยการสั่งฟ้องได้ในห้วงเดือน ก.ย.นี้