xs
xsm
sm
md
lg

สก็อต จั๊ม บทลงโทษอันตราย ทำลายอนาคตเด็ก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ สก็อต จั๊ม บทลงโทษอันตราย ทำลายอนาคตเด็ก



จากกรณีเด็กชายวัย 12 ปี น้ำหนัก 80 กิโลกรัม ถูกครูที่โรงเรียนสั่งทำโทษด้วยท่าออกกำลังแบบลุกนั่ง หรือที่เรียกกันติดปากว่า “สก็อต จั๊ม” จนนำไปสู่อาการบาดเจ็บรุนแรงจนไม่สามารถเรียนต่อในชั้น ม.1 ได้พร้อมกับเพื่อน ๆ

เหตุเกิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และผู้เป็นบิดาออกมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อว่า ครูประจำชั้นลุแก่อำนาจสั่งทำโทษบุตรชายให้สก็อต จั๊ม รวมกันถึง 150 ครั้ง ในวันเดียวนั้น

ล่าสุดทางรักษาการณ์ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านโป่งแดง อำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน ได้ออกมาชี้แจงตอบโต้กรณีที่เกิดขึ้น โดยยอมรับว่ามีการสั่งทำโทษด้วยท่าสก็อต จั๊ม จริงตามที่เป็นข่าว แต่จำนวนที่สั่งนักเรียนที่ชื่อ ด.ช.ต้น เพียงแค่ 50 ครั้ง ไม่ใช่ 150 ครั้ง ตามที่บิดาของนักเรียนกล่าวอ้าง

อีกทั้งทางโรงเรียนยังได้ให้ความช่วยเหลือทั้งในด้านการเงินจำนวนกว่า 1 หมื่นบาท ที่มาจากการเรี่ยไรและติดตามการรักษาพยาบาลจากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น โดยมิได้เพิกเฉยแต่อย่างใด และยังคงติดตามดูอาการของ นักเรียน ซึ่งเข้ารับการรักษาตัว ที่โรงพยาบาล ทุ่งหัวช้าง ตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 โดยไม่ได้ทอดทิ้งแต่อย่างใด

ในขณะที่ผู้เป็นบิดาร้องเรียนว่า ทางโรงเรียนแจ้งว่าลูกชายพ้นจากสภาพการเป็นนักเรียนของโรงเรียนแล้ว เนื่องจากไม่ได้ขึ้นชั้นม 1 พร้อมกับเพื่อน และโรงเรียนเปิดเทอมแล้ว

แม้ว่าข้อมูลของทั้งฝ่ายผู้ปกครองและทางโรงเรียนจะขัดแย้งกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นความจริงซึ่งไม่มีใครปฏิเสธได้ก็คือ ท่าออกกำลังกายที่เรียกว่า “สก็อต จั๊ม” ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำว่า Squad Jump เป็นการออกกำลังในลักษณะการกระโดดสลับเข่าซ้ายขวาสองมือประสานไว้หลังท้ายทอย

การปฏิบัติในท่านี้ผู้กระทำจะต้องใช้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าขาร่วมกับน่องเพื่อสปริงตัวโดยอาศัยหัวเข่าทั้งสองข้างเป็นกลไกในการส่งผ่านกำลังและรองรับน้ำหนักตลอดจนแรงกระแทก ซึ่งจะส่งต่อไปยังข้อเท้าและปลายเท้า

ในอดีตที่ผ่านมา การสก็อต จั๊ม หรือการกระโดดสลับเข่า เป็นท่ามาตรฐานที่ใช้กับทหารทุกเหล่าทัพเริ่มตั้งแต่โรงเรียนเตรียมทหารไปจนกระทั่งถึงโรงเรียนเหล่าทั้งนายร้อย นายเรือ นายเรืออากาศ และนายร้อยตำรวจ

นักเรียนทหารทุกเหล่าทัพล้วนแล้วแต่เคยถูกสั่งทำโทษด้วยการสก็อต จั๊ม ทั้งเดี่ยวและหมู่พร้อม ๆ กัน ทั้งกองร้อย กองพัน มาแล้วทั้งสิ้น

จนกระทั่งกว่า 50 ปีต่อมา เมื่ออดีตนักเรียนทหารเหล่านั้นเกษียณอายุราชการด้วยยศและตำแหน่งสูงทั้งในระดับ ผบ.เหล่าทัพ จนกระทั่งถึงรัฐมนตรีกลาโหม

ผู้สูงวัยเหล่านั้นจำนวนมากเริ่มพบว่าตนเองมีปัญหาเรื่องสุขภาพข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยอันควร และจากการวินิจฉัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพบว่า สาเหตุหนึ่งมาจากการรับน้ำหนักสะสมบริเวณข้อเข่ามาตั้งแต่เยาว์วัยจนกระทั่งเป็นนายทหารหนุ่ม ตำแหน่งผู้หมวดผู้กองที่ยังคงออกกำลังด้วยท่าดังกล่าวจนเป็นนิสัย

ในที่สุดท่าสก็อต จั๊ม ได้ถูกยกเลิกการปฏิบัติอย่างเป็นทางการในโรงเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนเหล่าทัพมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน แม้ว่าอาจจะมีนักเรียนปกครองบางคนลักลอบทำโทษรุ่นน้องด้วยท่าดังกล่าวก็ตาม

ท่าสก็อต จั๊ม มีผลเสียต่อผู้ปฏิบัติอย่างไร อาจพิจารณาได้จากคำแนะนำของนายแพทย์ซึ่งได้ให้ความเห็นหลังเกิดกรณีน้องต้นวัย 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 น้ำหนัก 80 กิโลกรัม ที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ทั้งนี้นายแพทย์วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช มศว. ให้ความเห็นว่า

การสั่งลงโทษด้วยการสก็อต จั๊ม อาจจะส่งผลหลายอย่างต่อผู้ปฏิบัติ เพราะการกระโดดหลาย ๆ ครั้งติดต่อ จะทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง จนต้องกระโดดด้วยการเขย่งนิ้วเท้าหรือส้นเท้า ซึ่งเป็นท่าที่ผิด ทำให้บาดเจ็บได้ และกระดูกเข่าอาจร้าว หรือหลุดได้หากกระโดดติดต่อกันหลายครั้ง ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถเอนตัวไปข้างหน้าได้ ขณะนั่งยอง ๆ กระดูกบริเวณเข่าจึงได้รับแรงกระเทือนขณะที่กระโดดขึ้นลง และมีน้ำหนักกดลงมา

อันตรายสุดท้ายคือ หากปฏิบัติในจำนวนครั้งที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อสลายตัว แล้วปล่อยสารในเซลล์เข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ไตวาย

นายแพทย์วีระศักดิ์ จึงออกมารณรงค์ให้ยกเลิกการสั่งทำโทษด้วยการให้เด็กนักเรียนสก็อต จั๊ม

ในท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ณ โรงเรียนประจำบ้านโป่งแดง อำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน จะลงเอยอย่างไร

สิ่งที่จะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ประเด็นละเมิดสิทธิมนุษยชน การใช้อำนาจของครูในการลงโทษลูกศิษย์ซึ่งจะยังคงเป็นที่ถกเถียงกันโดยหาจุดจบได้ยากว่า

อาชีพครูควรได้รับสิทธิพิเศษในการลงโทษนักเรียนซึ่งเป็นลูกศิษย์หรือไม่ ?

-------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )

ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น