โอละพ่อหนุ่มขี้หึงพกปืนขู่ผู้ช่วยผู้จัดการฯ ไม่ใช่ตร. สำนึกผิดขอโทษคู่กรณี อ่วมถูกแจ้งข้อบุกรุก-ข่มขู่

แฟนหนุ่มผู้จัดการร้านชื่อดังเข้าพบตร.แล้ว พร้อมยอมรับผิดที่กระทำดังกล่าว ปัดไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามที่ได้ข่มขู่คู่กรณี ส่วนปืนเป็นปืนอัดลม พกมาหวังแค่ข่มขู่ ก่อนถูกแจ้งข้อหา บุกรุกในเวลากลางคืน,ข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว

วันนี้( 29 มิ.ย.)เมื่อเวลา 14.00 น.ที่สภ.เมืองนนทบุรี นายกรรกร คำเสียง อายุ 52 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไปเดินทางเข้าพบพ.ต.ท.นวชล ชมเชย สว.กก.สส.ภ.จ.นนทบุรี รักษาราชการแทนรอง.ผกก.สส.สภ.เมืองนนทบุรี หลังทราบว่าถูกนายทินภัทร ชุติมาปัญญา อายุ 35 ปี นำคลิปภาพวงจรปิดแจ้งความว่าถูกชายแต่งกายคล้ายตำรวจใช้อาวุธปืนจ่อศีรษะข่มขู่ เหตุเกิดภายในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งภายในซ.ศิริชัย 2 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา

หลังให้ปากคำนานกว่า 1 ชม.นายกรรกรให้สัมภาษณ์ว่า ยอมรับว่าเป็นชายดังกล่าวตามคลิปวงจรปิดที่เข้าไปก่อเหตุจริง แต่อาวุธปืนที่ใช้เป็นแค่เพียงปืนปลอม ส่วนสาเหตุมาจากก่อนหน้านี้ตนเคยเห็นภรรยาของตนคนทำงานกับผู้เสียหายด้วยกันประจำ จึงเกิดความหึงหวงเข้าไปก่อเหตุข่มขู่ดังกล่าว หลังทราบเรื่องว่าน้องผู้เสียหายเข้าแจ้งความจึงได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจและยอมรับผิดกับสิ่งทีทำลงไป ซึ่งตนก็ได้พบกับน้องผู้เสียหายแล้วในวันนี้พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษน้องผู้เสียหาย

ด้านพ.ต.ท.นวชล กล่าวว่าวันนี้ทางคนก่อเหตุได้เดินทางเข้ามาพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมทั้งนำอาวุธปืนที่ใช้ในวันก่อเหตุมามอบให้ จากการตรวจสอบพบว่าอาวุธปืนที่ใช้เป็นสิ่งเทียมอาวุธปืน(ปืนอัดลม) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำไปให้ผู้เสียหายดูว่าอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวเป็นกระบอกเดียวกันกับที่ใช้ในวันก่อเหตุหรือไม่ ซึ่งทางผู้เสียหายยืนยันว่าเป็นอาวุธปืนกระบอกเดียวกันกับที่ใช้ในวันเกิดเหตุ เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาบุกรุกในเวลากลางคืน,ข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว,ส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2566 ผู้จัดการร้านสะดวกซื้อแฟนสาวของนายกรรกร คำเสียง ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืน บุกมาข่มขู่ นายทินภัทร ชุติมาปัญญา อายุ 35 ปี ผู้ช่วยผู้จัดการ้านเดียวกัน ด้วยควาหึงหวง ได้ให้สัมภาษณ์ กับทีมผู้สื่อข่าว ว่า เรื่องนี้น่าจะมีการเข้าใจผิดกัน โดยปกติแฟนของตนเป็นคนขี้หึงอยู่แล้ว และเป็นมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น

หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้นได้มีการพูดคุยกับแฟนถึงเรื่องดังกล่าว ทางแฟนตนได้ขอโทษ และบอกว่ารอบหน้าจะคิดให้รอบคอบกว่านี้ แฟนเข้ามาเห็นนั่งทำงานอยู่กับน้องผู้ชายเลยเกิดน้อยใจ ยืนยันว่าตนไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้เสียหาย เพียงแค่ทำงานร่วมกันเท่านั้น เพราะผู้เสียหายเป็นผู้ช่วยตน

หลังจากนี้ก็จะยังทำงานร่วมกันได้ปกติ ตนได้เคลียร์กับแฟนแล้วว่าไม่มีอะไร เมื่อวานได้มีการพูดคุยกันกับผู้เสียหาย และจะมีการพูดคุยเพื่อไกล่เกลี่ยกันอีกครั้ง ยืนยันว่าแฟนของตนเป็นตำรวจจริง ตั้งแต่วันเกิดเหตุตนได้เคลียร์กับแฟนไปแล้ว แต่แฟนกับผู้เสียหายยังไม่ได้คุยกัน