"ทนายแอม" ยื่นศาลอาญาไต่สวนคัดค้านฝากขังครั้งที่ 6 อ้าง"แอม ไซยาไนด์" ป่วย เพิ่งออกจากรพ.ตำรวจศาลพิจารณาแล้วยกคำร้อง ระบุขั้นตอนฝากขังชอบด้วยกฎหมายแล้ว
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (28 มิ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช ทนายความของ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ "แอม ไซยาไนด์" ผู้ต้องหาคดีวางยาฆาตกรรมเหยื่อหลายราย เดินทางมาศาลอาญา กรณียื่นคำร้องขอคัดค้านการฝากขังครั้งที่ 6 และศาลนัดไต่สวนค้านการฝากขัง
น.ส.ธันย์นิชา หรือ ทนายพัช เปิดเผยว่า เมื่อวานตนที่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนคัดค้านกาาฝากขัง เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนได้ตรวจสำนวนแล้วพบว่า ในคำร้องขอฝากขัง ครั้งที่ 6 แล้วระบุว่า แอม หรือนางสรารัตน์ ได้เข้าพิจารณาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนท์ แต่ในข้อเท็จจริงแอมไม่ได้ทำ และศาลได้มีรายละเอียดออกมาว่าอนุญาต ตนจึงได้ทำคำร้องต่อศาลหลังจากเข้าไปสอบถามแอมจากในเรือนจำ และแอมให้เขียนหนังสือยืนยันว่า ไม่ได้เข้าพิจารณา ทางวีดีโอคอนเฟิเรนท์ ในวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพราะแอมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลตำรวจ และทางฝ่ายตนไม่ได้รับทราบเรื่องนี้เลย ตนจึงเห็นว่ากระบวนการดังกล่าว ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งตนเรียกว่าลักไก่และรู้สึกไม่โอเค วันนี้จึงได้นำหลักฐานที่เป็นหนังสือลายมือของ แอมมาแถลงต่อศาล เพื่อมาเพิกถอนกระบวนการฝากขัง ครั้งที่ 6 ที่ผิดระเบียบ
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงสาเหตุที่ แอม สูญเสียบุตรระหว่างตั้งครรถ์ไปในช่วงที่มีข่าวออกมาว่าจะนำข้อเท็จจริงเรื่องนี้มาแถลงศาลให้ทราบในวันนี้ด้วย และสำหรับแอมที่ตนได้ไปเยี่ยมมาแล้วคำถามแรกตอนเจอถามว่าไปรับศพลูกแล้วหรือยัง ส่วนในเรื่องที่เกิดอาการทารกไม่ดิ้น ก็จะนำมารวมอยู่ในสำนวนด้วย ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าผลชันสูตรเด็กในท้องออกมานั้นยังไม่ใช่ข้อเท็จจริง ขอให้รอฟังดูก่อนว่าเหตุผลที่แท้จริงมาจากอะไรแต่โดยส่วนตัวตนคิดว่า น่าจะมาจากความเครียดมากกว่าไม่ได้เกิดจากการที่ใช้กำลังรุนแรงหรือซ้อม แต่ในความหมายของพ.ร.บ.อุ้มหาย ตามมาตรา 5 อนุหนึ่ง แม้จะไม่ได้ทำกับร่างกายแต่ทำกับจิตใจก็เข้าเงื่อนไขเช่นเดียวกัน
ศาลไต่สวนพยานฝ่ายพนักงานสอบสวน ผู้ร้องขอฝากขังจนเสร็จสิ้นโดยทนายผู้ต้องหาใช้สิทธิถามค้านตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 87 วรรค 7 และมีคำสั่งว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าการฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 6 โดยไม่ได้สอบถามผู้ต้องหาก่อน ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าเจ้าหน้าที่ฝากขังได้นำคำสั่งเบิกตัวผู้ต้องหา ฉบับลงวันที่ 19 มิถุนายน 2566 และหนังสือของทัณฑสถานหญิงกลาง ฉบับลงวันที่ 23 มิถุนายน 2566 มายื่นประกอบการไต่สวน ได้ความว่าวันที่ 19 มิถุนายน 2566 ศาลมีคำสั่งให้เบิกตัวผู้ต้องหา โดยใช้ระบบสื่อสารทางไกลผ่านจอภาพในวันที่ 23 มิถุนายน 2566 และได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานหญิงกลางว่าผู้ต้องหาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ตามคำสั่งเบิกตัวผู้ต้องขัง ฉบับลงวันที่ 19 มิถุนายน 2566 ซึ่งมีการเขียนต่อท้ายในส่วนชื่อผู้ต้องหาในช่องหมายเหตุว่า ออกศาล และในวันที่ 23 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่พนักงานสอบสวนนำคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 6 มายื่น ทางทัณฑสถานหญิงกลางได้มีหนังสือแจ้งเหตุขัดข้องมายังศาลว่าผู้ต้องหาป่วยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2566 จึงไม่สามารถเบิกตัวมาในวันดังกล่าวได้ ทำให้ในวันที่ 23 มิถุนายน 2566 ศาลจึงทำการไต่สวนพยานผู้ร้องไปฝ่ายเดียว เพราะมีเหตุขัดข้องที่ไม่สามารถทำต่อหน้าผู้ต้องหาได้
และด้วยวันที่ 23 มิถุนายน 2566 ตรงกับวันศุกร์ ซึ่งในวันเปิดทำการวันแรกตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน 2566 เป็นวันจันทร์ ศาลจะเบิกตัวผู้ต้องหามาสอบถามโดยใช้ระบบทางจอภาพ
แต่ผู้ต้องขังได้ยื่นคำร้องขอคัดค้านการพิจารณาและเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบเข้ามาเสียก่อน โดยอ้างว่าการไต่สวนไม่ได้ทำต่อหน้าผู้ต้องหา ศาลจึงเบิกตัวผู้ต้องหาและนัดไต่สวนพยานผู้ร้องโดยให้สิทธิทนายผู้ต้องหาถามค้านพยานในวันนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 และด้วยพนักงานสอบสวนผู้ร้องอ้างว่ายังสอบสวนไม่เสร็จสิ้น เพราะต้องรอสอบพยานเพิ่มเติมอีก 2 ปาก และเสนอสำนวนการสอบสวนให้ผู้บังคับบัญชาสั่งการ ซึ่งนับว่ามีเหตุจำเป็น การอนุญาตให้พนักงานสอบสวนผู้ร้องฝากขังผู้ต้องหา จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่ใช่กระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ให้ยกคำร้องของผู้ต้องหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า พนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาคดีในสัปดาห์นี้ ซึ่งอัยการจะฟ้องให้ทันกำหนดฝากขังครั้งสุดท้าย โดยคดีนี้ฝากขังครั้งแรกเมื่อ วันที่ 26 เม.ย.2566 ซึ่งสามารถยื่นฝากขังทั้งหมด 7 ครั้ง รวม 84 วัน และขณะนี้อยู่ระหว่างการฝากขังครั้งที่ 6 กำหนดตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย.- 6 ก.ค.นี้ จะครบกำหนดฝากวันสุดท้ายคือวันที่ 18 ก.ค.2566
