xs
xsm
sm
md
lg

“โกศลวัฒน์” เผย อสส.อยู่ระหว่างพิจารณาคำร้อง “พิธา-ก้าวไกล” ชูแก้ ม.112 หาเสียงเลือกตั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
“โกศลวัฒน์” รองโฆษก อสส.เผย อัยการสูงสุด อยู่ระหว่างพิจารณาคำร้องของทนายความอดีตพระพุทธะอิสระ ร้อง “พิธา” พรรคก้าวไกล หาเสียงเเก้ มาตรา 112 ส่งศาลวินิจฉัย ขัด รธน.หรือไม่ รอข้อมูลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบ

วันนี้ (27 มิ.ย.) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้สอบถามอัยการสูงสุด ว่า มีคำสั่ง รับหรือไม่รับดำเนินการตามที่ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความอดีตพระพุทธะอิสระ ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิก มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการต่อเนื่องในการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ ว่า นายธีรยุทธ ได้เดินทางมายื่นคำร้องดังกล่าวผ่านสำนักงานอัยการสูงสุดจริงซึ่งทางอัยการสูงสุดก็ได้พิจารณาคำร้องเเละมีการ ตั้งคณะทำงานขึ้นพิจารณาประกอบด้วยรองอัยการสูงสุดนายอุทัยอาทิเวท ผู้ตรวจการอัยการ อธิบดีอัยการฝ่ายการสอบสวน และอัยการฝ่ายการสอบสวนเป็นเลขาคณะทำงาน ได้เชิญผู้ร้องมาให้ค่อยคำประกอบคำร้องเพื่อความครบถ้วนสมบูรณ์ และประสานหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในเรื่องที่มีการร้องเรียน ไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง มากกว่า 2 หน่วยงาน เพื่อขอเอกสารที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบตามคำร้อง เพื่อประกอบการพิจารณา เเต่หน่วยงานที่ทางอัยการสูงสุดประสานไปยังไม่ส่งเอกสารข้อมูลกลับมา ประกอบการพิจารณา อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธิต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีการร้องขอให้เลิกการทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีประมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7(3) เกี่ยวกับหลักเกณฑ์เเละวิธีการ บัญญัติไว้ว่า

1. ผู้ใดทราบว่ามีการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดังกล่าว มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้

2. หากอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอหรือไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้อง ผู้ร้องจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้

ซึ่งจะเห็นได้ว่า กรณีดังกล่าวมีข่าวว่าทางผู้ร้องไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงเเล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามบทบัญญัติที่กฎหมายกำหนดไว้ ส่วนทางอัยการสูงสุดพอได้รับคำร้องมาก็ดำเนินการควบคู่ไปด้วยเพียงเเต่เราต้องรอข้อมูลประกอบคำร้องไม่ใช่รับคำร้องอะไรมาก็ส่งศาลรัฐธรรมนูญเลย อัยการเราต้องพิจารณา คำร้องและข้อเท็จจริงตรวจสอบเอกสารและเรื่องให้ถูกต้องเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป ซึ่งกรณีเช่นนี้ที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญก็มีหนังสือขอทราบข้อมูลมาเป็นปกติอยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น