รอง ผบ.ตร.ร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ แถลงข่าวปิดคดีผู้ต้องหาข่มขืนฆ่าเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ก่อนอำพรางศพทิ้งใกล้สระน้ำในป่า พื้นที่ จ.นราธิวาส
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ร่วมกับนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แถลงปิดคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิง อายุ 3 ปีเศษ อำพรางศพทิ้งใกล้สระน้ำ ในป่าพื้นที่ อ.ตันหยง จ.นราธิวาส โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ในรวบรวมหลักฐาน และติดตามจับกุม นายมะยาการียา ผู้ก่อเหตุ มาดำเนินคดี
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า คดีนี้ตำรวจสืบสวนจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุทำให้ทราบว่าช่วงเกิดเหตุ ประมาณวันที่ 14 พ.ค.66 ผู้ตายถูกลักพาตัวไป ปรากฏภาพชายไม่ทราบชื่อ สวมเสื้อสีขาวอุ้มเอาตัวผู้ตายไป หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้าน 24 หลัง สอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง 96 คน ทำให้สามารถคัดแยกผู้ต้องสงสัยได้ 6 คน และเชิญตัวมาซักถามข้อมูล ซึ่งผู้ต้องสงสัย 5 คน ยืนยันสถานที่อยู่ขณะเกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่ได้ มีเพียงนายมะยาการียา คนเดียวไม่สามารถยืนยันสถานที่อยู่ขณะเกิดเหตุได้
นอกจากนี้ ตำรวจยังได้เก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมชายวัยกลางคนทุกคนที่อยู่ในช่วงเกิดเหตุบริเวณดังกล่าว 24 คน เพื่อใช้ตรวจเปรียบเทียบกับศพผู้ตาย ปรากฏว่าสารพันธุกรรมจากเส้นผม เส้นขน คราบอสุจิที่พบจากตัวผู้ตาย ตรงกับนายมะยาการียา ขณะเดียวกันเจอคราบโคลนดินที่พบว่าติดอยู่ที่ขากางเกงของนายมะการียา เป็นดินจากที่เกิดเหตุ และจากการซักถามเชิงลึกพบว่านายมะการียา ได้หย่าร้างกับครอบครัวไปนาน เป็นบุคคลว่างงาน หมกมุ่นเรื่องเพศ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และจากการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานทางนิติวิทยาศาสตร์และพฤติการณ์ พฤติกรรมทั้งหมดในคดีนี้ จึงเชื่อว่านายมะการียา เป็นผู้ก่อเหตุ พนักงานสอบสวนจึงได้ขออนุมัติศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับและติดตามตัวมาดำเนินคดีใน 3 ข้อหาคือพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย ฯลฯ แต่ผู้ต้องหา ยังให้การปฏิเสธ
ด้าน นางปวีณา กล่าวขอบคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ประสานการช่วยเหลือร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ ด้วยดีเสมอมา และสามารถจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งพ่อแม่ เด็ก อยากให้ผู้ต้องหาได้รับโทษสูงสุดประหารชีวิต เพราะหากติดคุกไม่นานออกมาก็อาจเป็นอันตรายกับคนอื่นได้
ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังขอให้ครอบครัวไม่ต้องกังวล และให้มั่นใจพนักงานสอบสวน จะรวบรวมพยานหลักฐานรอบด้าน โดยเฉพาะหลักฐานสำคัญทางนิติวิทยาศาสตร์ เข้าประกอบสำนวน ก่อนสั่งฟ้องผู้ต้องหาต่ออัยการ และต่อศาลเพื่อให้ศาลพิจารณาโทษสถานหนักที่สุด
นอกจากนี้ยังมีกรณีคดี ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 6 ปี พร้อมผู้ปกครอง ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ด่านทับตะโก ภ.จว.ราชบุรี กรณีถูก นายวัชรพล หรือครูเรด ซึ่งเป็นครูฝึกสอนที่โรงเรียนด่านทับตะโก ได้พาไปกระทำอนาจารในห้องน้ำของโรงเรียน ซึ่งกรณีดังกล่าว หลังจากได้ส่งตัว ด.ช.เอ ตรวจร่างกายและสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพแล้วทราบว่า ผู้ต้องหาซึ่งเป็นครูฝึกสอน ได้หลอกพา ด.ช.เอ ไปเข้าห้องน้ำ แล้วกระทำอนาจารในสถานที่ดังกล่าว จากนั้นได้ข่มขู่มิให้บอกผู้อื่น พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดราชบุรี และสามารถจับกุมตัว นายวัชรพล หรือครูเรด ส่ง สภ.ด่านทับตะโก ดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยจะดำเนินคดีในความผิดฐาน ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีโดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม กระทำอนาจารแก่ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล โดยใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม พาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร แม้เด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือดูแลเพื่อการอนาจาร และกระทำหรือละเว้นการกระทำอันเป็นการทารุณกรรม ต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นคดีที่เด็กซึ่งอายุเพียง 6 ขวบ ถูกครูที่โรงเรียน ซึ่งถือเป็นบุคคลใกล้ชิดที่เด็กไว้วางใจ พาไปกระทำอนาจาร ภายในห้องน้ำของโรงเรียน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เด็กควรอยู่อย่างปลอดภัยและได้รับความคุ้มครอง หลังทราบเหตุได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเก็บรวบรวมพยานหลักฐานโดยละเอียดเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้โดยเด็ดขาด