ลอยแพ 600 พนง.บินไทย โดนหักหลังจ่ายชดเชย ไปศาลก็โดนบีบถอนฟ้อง

รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ ลอยแพ 600พนง.บินไทย โดนหักหลังจ่ายชดเชย ไปศาลก็โดนบีบถอนฟ้อง

 



การบินไทย กำลังโดนกล่าวหาจากอดีตพนักงาน อันประกอบด้วยอดีตกัปตัน และอดีตพนักงานต้อนรับเครื่อง จำนวนร่วม 600 คน ว่ากระทำการอย่างไร้ธรรมาภิบาลต่อพวกเขา

นำมาสู่การรวมตัว ฟ้องร้องต่อศาลแรงงาน เรียกร้องให้การบินไทยปฏิบัติตามข้อตกลง ให้เหมือนตอนที่มากราบกรานขอร้องให้พนักงานยอมเออร์ลี่รีไทร์ เพราะบริษัทล้มละลาย ในช่วงปี 2563

การบินไทยนั้น มีผลประกอบการที่เจ๊งต่อเนื่อง พอมาโดนโควิดขย่มซ้ำ เมื่อปี 2563 ก็ต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูล้มละลาย

ณ เวลานั้น อนาคตของการบินไทยช่างดูมืดมน ถึงขนาดต้องโปรโมทการขายปาท่องโก๋ แบบว่า ถึงจะขายตั๋วเครื่องบินไม่ได้ แต่เรามีปาท่องโก๋ขายนะ
ช่วงนั้น จึงมีข้อเสนอไปถึงพนักงาน ให้สมัครใจลาออกด้วยความเต็มใจ เพื่อลดรายจ่ายเรื่องเงินเดือนพนักงาน ซึ่งจะช่วยให้การบินไทยอยู่ต่อไปได้

การให้พนักงานลาออกโดยสมัครใจครั้งนั้น เรียกว่า “โครงการ MSP” โดยมีข้อเสนอเล็กๆน้อยๆ ตอบแทนเป็นกำลังใจ

ซึ่งก็มีพนักงานการบินไทย ที่เห็นแก่องค์กรที่เขารัก ยอมเสียสละ ยอมตกงาน เป็นจำนวนกว่า 1 พันชีวิต ถือเป็นการลาออกโดยสมัครใจ ที่มีจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เท่าที่เมืองไทยเคยมีมา

แต่พอผ่านไป อดีตพนักงานกลับพบว่า ถูกการบินไทยกลับ “ลอยแพ” ซะอย่างนั้น จ่ายค่าตอบแทนไม่ครบดื้อๆ

เรื่องนี้คงไม่ใช่มโนกันไปเอง หลอนกันไปเอง เพราะแต่ละคนก็รับรู้ได้ตรงกันหมด ว่าอะไรๆ มันบิดเบี้ยวชอบกล

จึงรวมตัวกันหลายกลุ่ม ฟ้องร้องทางแพ่งต่อศาลแรงงาน ซึ่งข้อเรียกร้องผ่านกระบวนการยุติธรรม ก็ไม่มีใครเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมใดๆ จาก การบินไทย แม้แต่บาทเดียว

แค่ทวงสิทธิ์ที่ตัวเองต้องได้รับ ตามสัญญาเท่านั้น ขอแค่นั้นเอง

ปรากฏว่า เรื่องส่อเค้าบานปลาย ขณะที่คดีความยังคาศาล ผู้บริหารการบินไทย ก็ตอบโต้ งัดมาตรการ “บีบ” อดีตพนักงานเหล่านี้ ให้ถอนฟ้อง

กล่าวคือ ใครฟ้องอยู่ จะตัดสิทธิ์ตั๋วโดยสารทั้งหมด แต่ถ้าใครถอนฟ้อง ก็จะให้ใช้ตั๋วได้ต่อไป

จึงกลายเป็นคดีซ้อนคดีขึ้นมา ถือเป็นท่าทีก้าวร้าวสุดๆ ที่ฝ่ายผู้บริหารการบินไทย ปฏิบัติต่อคนที่เคยร่วมสร้างองค์กรมาด้วยกัน

ฝ่ายสื่อสารองค์กรของการบินไทย ชี้แจงผ่านโลกโซเชียลว่า ศาลเคยมีคำพิพากษาว่า บัตรโดยสารพนักงาน เป็นการให้เพื่อเป็นสวัสดิการของพนักงานและครอบครัว มิใช่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง

“บริษัทมีหลักเกณฑ์ในการระงับและคืนสิทธิ บัตรโดยสารที่ชัดเจน ซึ่งได้ทยอยคืนบัตรโดยสารให้พนักงานที่ถอนฟ้องแล้ว” ฝ่ายสื่อสารองค์กรการบินไทย ระบุ

น.ส.ศิวาพร หรือทนายซอ ซึ่งรับว่าความให้อดีตพนักงานการบินไทยกลุ่มใหญ่สุดกว่า 400 คน เผยว่า โจทก์รวมตัวฟ้องการบินไทย ตั้งแต่เมื่อปี 2565 ทางจำเลยคือการบินไทย อ้างต่อศาลว่า จ่ายชดเชยครบหมด ซึ่งก็ต้องสืบพยานกันต่อไป มีกำหนดสิ้นสุดประมาณเดือน พ.ย. ปีนี้

ทนายซอ กล่าวว่า ส่วนกรณีระงับบัตรโดยสารนั้น แม้การบินไทย จะอ้างว่าเป็นคนละเรื่อง แต่ทางเราก็มองว่าเป็นเรื่องเดียวกัน เป็นวิธีการที่จะบีบให้ฝ่ายโจทก์ถอนฟ้อง

ซึ่งก็ได้ผลจริง เพราะโจทก์บางราย ยังต้องพึ่งบัตรโดยสารอยู่ เนื่องจากส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ ก็เลยตัดใจถอนฟ้อง ทั้งที่ยังคาใจในคดีที่ฟ้องไป
การถอนสิทธิตั๋วโดยสาร จึงส่อจะเป็นคดีงอกตามมาอีกคดี

เรื่องนี้ คนที่ถูกรำพึงรำพันถึง ก็ไม่แคล้วเป็นนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ดีดี การบินไทย

ตอนนี้ นายปิยสวัสดิ์คงกำลังคึกสุดขีดกับผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2566 ซึ่งการบินไทย พลิกมากำไรกว่า 13,000 ล้านบาท

ขณะที่การมาเป็น ดีดีบินไทย หนแรก แล้วโดนปลด เมื่อปี 2555 นายปิยสวัสดิ์ก็เจ็บแค้น จนต้องยื่นฟ้องการบินไทย เรียกเงินกว่า 10 ล้านบาท เพราะเห็นว่าถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม

นายปิยสวัสดิ์ ก็น่าจะเข้าใจได้ถึงหัวอกอดีตคนการบินไทย ที่มองว่าถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แบบเดียวกับที่นายปิยสวัสดิ์เคยโดนมาก่อนนั่นเอง

วันนี้มีกำไร ก็อย่าลืมวันวานที่เคยขายปาท่องโก๋ เที่ยวอ้อนวอนให้พนักงานกลุ่มนี้ เสียสละเพื่อองค์กร