ศาลแพ่งธนบุรี ชี้แจงออกหมายจับหมอ ในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มาเบิกความต่อศาล เป็นประโยชน์แก่คดีเท่านั้น เมื่อมาศาลก็ยกเลิกหมายจับ แต่ไม่ได้ออกหมายจับในฐานะผู้ต้องหาแต่อย่างใด
กรณีแพทย์หญิง รพ.ของรัฐ น้อยใจที่ปฏิบัติราชการมา 13 ปี ทำงานหนัก ไปพักผ่อนกับครอบครัวกลับมา เจอศาลออกหมายจับในฐานะเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ คดีรถยนต์ชนจักรยานยนต์ ผู้ขับขี่ จยย.ตาย เพราะพยานไม่ไปศาล และส่งหมายผิดที่เกิดความเสียใจเลยโพสต์ทำนองว่า ทำงานหนัก สุจริต มีสิทธิติดคดีโดนหมายจับได้ จากนั้นก็มีแพทย์ทยอยแสดงความคิดเห็นท้ายโพสต์ ทำนองเห็นใจ และถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งแพทย์ ประเด็นนี้สร้างความกระทบกระเทือนต่อสังคมต่อการทำงานของศาลยุติธรรมนั้น
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ศาลแพ่งธนบุรี ได้ทำเอกสารข่าวเผยแพร่ มีใจความว่า คดีนี้เป็นคดีดำที่ พ.1524/2564 โจทก์เป็นผู้รับบาดเจ็บจากรถชน ได้ฟ้องจำเลยผู้ทำละเมิด กับ จำเลยร่วมซึ่งเป็นบริษัทผู้รับประกันภัย เป็นคดีละเมิด เรียกให้ประกันภัยรับผิดใข้ค่าสินไหมทดแทน 1.3 ล้านบาท จำเลยร่วมให้การว่าได้ชดใช้สินไหมเต็มตามวงเงินแล้ว การตายของฝ่ายโจทก์เกิดจากโรคประจำตัว
ศาลชี้แจงว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำละเมิดรถชนตาย จำเลยสู้ว่าไม่ได้ตายเพราะละเมิด ประเด็นแห่งคดีคือตายเพราะอุบัติเหตุ หรือโรคประจำตัว ดังนั้น ความเห็นของแพทย์จึงเป็นประเด็นสำคัญแห่งคดี โจทก์อ้างแพทย์ รพ.นครปฐม โดยระบุในบัญชีพยานและส่งหมายเรียกไปตามภูมิลำเนา ซึ่งโจทก์ยืนยันแล้ว 2 ครั้ง เมื่อส่งหมายเรียกไม่มา โจทก์ก็ยังยืนยันตามที่อยู่ที่อ้าง ซึ่งศาลไม่อาจรู้ได้เอง ศาลจึงออกหมายเรียก เมื่อพยานไม่มาศาลตามนัด ฝ่ายทนายโจทก์ยืนยันว่าพยานรับหมายแล้วไม่มา และยืนยันว่า ต้องการให้พยานเบิกความในประเด็นสำคัญ ศาลเห็นว่า พยานไม่มาศาลโดยไม่อ้างเหตุขัดข้อง จึงออกหมายจับไปตามนั้น โดยเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาตามกฎหมายปวิแพ่งมาตรา 111 อนุ 2 ก็เพื่อให้พยานมาเบิกความอันเป็นประโยชน์ต่อคดี ศาลไม่มีส่วนได้เสียกับบุคคลใด ศาลไม่ประสงค์ออกหมายจับให้เกิดข้อโต้แย้งขึ้น
การออกหมายจับก็เพื่อให้ได้ตัวพยานมาเบิกความในประเด็นแห่งคดีตามที่โจทก์ยืนยัน มิใช่เป็นการออกหมายจับในฐานะเป็นผู้ต้องหา หรือจำเลยในคดีอาญา โดยเป็นการปฏิบัติโดยมีกฎหมายรองรับ และใช้ความรอบคอบเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เป็นการอำนวยความยุติธรรมภายใต้กฎหมายและจริยธรรมแล้ว