"พุ่มพวง ดวงจันทร์" 31 ปีที่จากไป ราชินีลูกทุ่งตลอดกาล

รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันอังคารที่ 13 มิถุนายน 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ "พุ่มพวง ดวงจันทร์" 31 ปีที่จากไป ราชินีลูกทุ่งตลอดกาล

ปีนี้นับว่าเลขสวย วันที่ 13 มิ.ย. ตรงกับครบรอบ 31 ปี แห่งการจากไปของราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ เรียกว่าเลข 13 กับ 31 มาบรรจบกันเป๊ะ

นับแต่เธอจากไป เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2535 พุ่มพวงก็กลายเป็นหมุดหมายของนักเสี่ยงโชคทั่วประเทศ ถนนของนักเล่นหวย มุ่งหน้าสู่วัดทับกระดาน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี อันเป็นที่เก็บอัฐิและอนุสรณ์สถานของพุ่มพวง ดวงจันทร์
ทุกวันนี้ มีหุ่นพุ่มพวง ดวงจันทร์ ในวัดทับกระดาน จำนวนถึง 13 หุ่น อะไรจะประจวบเหมาะขนาดนั้น เลข 13 มาอีกจนได้

แต่มากกว่าการขอโชคขอพร ก็เป็นการรำลึกถึงนักร้องลูกทุ่งสาวที่ปังที่สุด เท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย
เธอไต่เต้าจากความยากจน เป็นสาวไร่อ้อย พุ่งสู่จุดสูงสุดของวงการเพลงลูกทุ่งอย่างรวดเร็ว
ก่อนจากไปอย่างดาวค้างฟ้า ในช่วงที่ยังโด่งดังเป็นพลุแตกนั่นเอง ด้วยโรคประหลาดที่คนไทยแทบไม่เคยรู้จักมาก่อนในเวลานั้น

คือโรคเอสแอลอี หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง กลายเป็นมรดกตกทอด เรียกกันจนทุกวันนี้ว่า “โรคพุ่มพวง”

ว่ากันว่า พุ่มพวงเป็น “ราชินีลูกทุ่งคนที่สอง” นับจาก “ผ่องศรี วรนุช” และจนบัดนี้ วงการเพลงลูกทุ่งไทย ก็ยังไม่เคยมี “ราชินีลูกทุ่งคนที่สาม” เลย แม้พุ่มพวงจะทิ้งสุญญากาศนี้ไว้นานถึง 31 ปีแล้ว

ย้อนกลับไปในยุคของเธอ สิ่งที่ส่งให้พุ่มพวง โด่งดังเป็นพลุแตก มาจากองค์ประกอบหลายอย่าง ที่โคจรมาบรรจบ มาหลอมรวมที่ตัวเธอ โดยพร้อมเพรียงกัน
พุ่มพวง เป็นนักร้องที่มีคุณภาพเสียงดีมาก เช่นเดียวกับใบหน้าของเธอก็น่ารักงดงามตามธรรมชาติ เวลานั้นไม่ใช่ยุคมีดหมอ ที่แปลงหน้าตานักร้องลูกทุ่ง จนจำเค้าเดิมไม่ได้ อย่างทุกวันนี้

เธอปฏิวัติวงการเพลง ด้วยการแต่งตัวสมัยใหม่ ไม่แต่งชุดดิ้นทองประดับเพชรระยิบระยับ และไม่แค่จับไมค์ยืนร้องทื่อๆ ปล่อยให้หางเครื่องเต้น หากแต่พุ่มพวง ดวงจันทร์ เต้นไปร้องไปด้วย

ผลก็คือ สังคมตอบรับการ “แหกขนบ” ในสไตล์ของเธอ แบบว่ากรี๊ดรับ ถูกใจ ใช่เลย

มีพุ่มพวง แต่ถ้าไม่มีครูเพลงหนุนส่ง ก็คงไปได้ไม่ไกล ครูเพลงผู้เป็นลมใต้ปีกของเธอ ก็คือ ครูลพ บุรีรัตน์
ซึ่งเวลานั้น ก็ดันเป็นช่วงพีคสุดขีดของครูลพเช่นกัน ในการแต่งเพลงลูกทุ่งแนวแซ่บๆ ทะลึ่งตึงตัง อ้อร้อเจ้าชู้ จนกลายเป็นแนวเพลงของพุ่มพวงไปเลย

อีกองค์ประกอบก็เป็นการเติบโตของโทรทัศน์ ขณะที่นักร้องลูกทุ่งรุ่นพี่อย่าง “สายัณห์ สัญญา” มีสูตรสำเร็จด้วยการไม่โชว์ตัวออกสื่อ ใครอยากเห็นตัวจริง ต้องตามไปดูถึงเวทีปิดวิก

แต่พุ่มพวง ไม่เอาแนวทางนั้น เลือกใช้อิทธิพลของโทรทัศน์ในการสร้างชื่อ ผลที่ออกมา เป็นความสำเร็จที่รวดเร็วรุนแรง

พุ่มพวง มีเพลงดังฮอตฮิต ร้องกันได้ทั้งบ้านทั้งเมือง ยืดยาวเป็นหางว่าว อย่างที่ไม่มีนักร้องคนใดจะทำได้แบบเธอ เช่นเพลง สาวนาสั่งแฟน, ผู้ชายในฝัน, กระแซะ...เข้ามาซิ, หนูไม่รู้, หนูไม่เอา, คนดังลืมหลังควาย, เงินน่ะมีไหม, ส้มตำ, ขอให้รวย, อื้อฮือ...หล่อจัง, ฉันเปล่านาเขามาเอง, พี่ไปดูหนูไปด้วย เป็นต้น

ถ้าเป็นยุคทำเพลงลงยูทูบอย่างสมัยนี้ละก็ เพลงเหล่านี้ต้องมียอดวิวทะลุ 100 ล้านวิวทั้งสิ้น บางเพลงก็น่าจะไปไกลถึง 300-400 ล้านวิว

ขณะที่นักร้องลูกทุ่งทุกวันนี้ ลุ้นขอแค่มีเพลงดังสนั่นเมืองแค่เพลงเดียวพอ ก็สามารถพลิกชีวิต หากินยันลูกบวช ด้วยเพลงดังเพลงเดียว

เทียบกับพุ่มพวง ดวงจันทร์ เธอมีเพลงดังมากมายเป็นโหลๆ เป็นซุปตาร์ค้างฟ้า อย่างที่ไม่มีใครหน้าไหนทาบได้มานานกว่า 30 ปี และก็เป็นไปได้ที่ยืนยาวไป 100 ปี

ปีนี้ มีคลิปรำลึก 31 ปี พุ่มพวง เธอนอนซมบนเตียงโรงพยาบาล รายล้อมไปด้วยคนใกล้ชิด ว่ากันว่าคลิปนี้บันทึกไว้ก่อนการจากไปของเธอไม่นาน

ขณะที่นายมานพ แย้มอุทัย อดีตอาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งเคยมีบทบาทในวงการบันเทิง ก็ขุดโพสต์เก่าเมื่อ 10 ปีก่อนของเขาเอง

เป็นภาพพุ่มพวง ดวงจันทร์ ปรุงอาหารเลี้ยงคนในวงการบันเทิงหลายคน ร่วมรับประทานกัน ในห้องสวีท ชั้นบนสุดของสยามคอนโดฯ เมนูจากฝีมือของพุ่มพวง ณ วันนั้น ก็เช่น แกงส้มกุ้ง ตบด้วยของหวาน ลอดช่องตัวใหญ่น้ำกะทิ

หลังจากงานเลี้ยงวันนั้นไม่เท่าไร พุ่มพวงก็จากไป