ชำแหละ ส่วยรถบรรทุกบูรณาโกงบนทางหลวง ตร.ด่านชั่ง เอกชน แบ่งกันงาบ

รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ ชำแหละ ส่วยรถบรรทุกบูรณาโกงบนทางหลวง ตร.ด่านชั่ง เอกชน แบ่งกันงาบ

“เด้งตำรวจทางหลวง 40 นาย ก็ไม่ได้แก้ปัญหาสติ๊กเกอร์ส่วย เพราะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุเท่านั้น ต้นเหตุจริงๆ มันซับซ้อน ถ้าจะแก้ให้สำเร็จ ต้องแก้ทั้งระบบ”

ผู้สันทัดกรณีซึ่งรู้ลึกรู้จริง ที่มาของกำเนิดสติ๊กเกอร์ส่วย ให้ข้อมูลกับทีมงาน “ถอนหมุดข่าว”
ในสายตาของผู้รู้ปัญหานั้น จุดเริ่มต้นจริงๆ ก็คือการสร้างทางหลวงของประเทศไทย ที่วางระบบการทุจริตไว้หมด

งบประมาณก่อสร้างถนน จะต้องจ่ายเบี้ยบ้ายรายทางไปยังผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ สุดท้าย ถนนที่สร้างสำเร็จ ใช้เงินก่อสร้างจริงแค่ 60% ของงบประมาณทั้งหมด จึงมีคุณภาพเท่าเม็ดเงินที่เหลือจากการโกงกิน

สิ่งที่งอกตามมา คือการต้องเทงบประมาณซ่อมบำรุงผิวถนนกันแทบไปตลอด เพราะบริษัทรับเหมา ก่อสร้างถนนให้แข็งแรงเต็มพิกัดไม่ได้ ได้แค่60 เปอร์เซ็นต์ของสเปกที่กำหนด มิฉะนั้นตัวเองก็ขาดทุน

ขณะที่ถนนไม่แข็งแรง เพราะงบฯ โดนกินแหลกตามระบบอย่างว่า ผู้ประกอบการรถบรรทุก ก็พบว่าน้ำหนักบรรทุกตามกฎหมายในทุกวันนี้ มันบังคับใช้มาแต่โบราณแล้ว ไม่สอดคล้องกับน้ำหนักบรรทุก ที่ผู้ประกอบการจะอยู่ได้

เพราะทุกวันนี้ ค่าโสหุ้ยในการทำธุรกิจรถบรรทุก พุ่งสูงกว่าอดีตมาก ไม่ว่าจะค่าน้ำมัน ค่าแรงคนงาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการเจ๊งกันไปแล้วมากมาย

จึงกลายเป็นไฟต์บังคับให้ผู้ประกอบการ ต้องดิ้นรนหาทางแบกน้ำหนัก ให้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยยอมเสียเงินจ่ายส่วย

ถ้ารถบรรทุกมีกำไรพออยู่ได้ เขาก็ไม่อยากจะแบกน้ำหนัก เพราะโทษของการบรรทุกน้ำหนักเกิน คนขับติดคุก ปรับ 5,000-10,000 บาท ยึดรถอีก15-30 วัน แล้วแต่น้ำหนักเกินมากน้อยแค่ไหน

พวกโชเฟอร์นับว่าน่าสงสาร เพราะต้องทำตามสั่ง ไม่ขับก็โดนไล่ออก ขับแล้วถูกตำรวจทางหลวงจับขึ้นมา ก็ติดคุกคนเดียว ตัวเถ้าแก่ไม่ต้องติดคุกด้วย

ส่วยสติ๊กเกอร์ เป็นการบูรณาโกงร่วมกันของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งด่านชั่งน้ำหนักของกรมทางหลวง ตำรวจทางหลวง และกลุ่มรถบรรทุก ที่รวมตัวกันทำสติ๊กเกอร์ เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่งั้นวิ่งไม่ได้

คนออกสติ๊กเกอร์ ก็ได้เงินจากขายสติ๊กเกอร์ แล้วเอามาแบ่งให้กรมทางหลวง กับตำรวจทางหลวง
แถมตอนนี้ มีการยืมมือนักการเมืองจัดการคู่แข่งทางธุรกิจด้วย โดย ส.ส.ก้าวไกล ที่เป็นประธานชมรมผู้ประกอบการรถบรรทุกจังหวัดหนึ่ง อยากมีผลงานให้เข้าตาผู้บริหารพรรค เพื่อหวังตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาล ที่กำลังฟอร์มทีม

จึงจัดการชงข้อมูลให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.ร่วมพรรค ให้ลุยปราบส่วย จนตำรวจทางหลวงโดนเด้งไปแล้ว 40 นาย

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลลับเรื่องส่วยรถบรรทุก ที่ถูกส่งถึงมือนายวิโรจน์เหล่านั้น แท้จริงแล้ว อีกด้านหนึ่ง เป็นมาตรการเพื่อบีบรถบรรทุกจากชมรมอื่น ให้มาสวามิภักดิ์ ยอมมาเข้าสังกัดต่างหาก

ผู้ประกอบการรถบรรทุกรายไหนดื้อแพ่ง ก็จะโดนส่งข้อมูลให้นายวิโรจน์ เพื่อเปิดโปงว่าชมรมนั้นชมรมนี้ จ่ายส่วยบ้าง มีสติ๊กเกอร์บ้าง จนไม่ได้อยู่สงบสุข
ใครอยากรอดถูก ส.ส.ปากกล้าแฉ ก็ต้องเสียเงินมาเข้าชมรมเดียวกันเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้เข้าฟรี ต้องจ่ายเงินให้ประธานชมรม ว่าที่ ส.ส. เรียกว่า จ่ายแล้วจบ

ในความเคลื่อนไหวที่เหมือนจะเป็นการปัดกวาดบ้านเมือง จริงๆ แล้ว กลับมีความสกปรกติดแน่น แบบเช็ดไม่ออก แฝงอยู่แบบเนียนๆ

ผู้รู้จริงวงการรถบรรทุก ชี้ว่า ต่อให้ย้ายตำรวจทางหลวงเท่าไร ปัญหาก็ไม่จบ ตำรวจที่ถูกย้ายมาทำหน้าที่แทน ก็จะตกอยู่ในวังวนเดียวกัน เกิดปัญหาส่งส่วยกันแบบไม่รู้จบ หรือสรุปว่าการย้ายตำรวจ ไม่ใช่ทางออก

ทางแก้แบบครบวงจร ก็คือ 1.ต้องแก้ปัญหาการทุจริตโกงกินงบสร้างถนน อย่าให้เป็นเหมือนวลีที่พูดกันว่า “ถนนเมืองไทยปูด้วยทองคำ” ถ้าไม่มีการกินงบ ถนนก็จะแข็งแรงตามสเปก

2.พอถนนแข็งแรง ก็จัดการแก้กฎหมาย ยกเลิกน้ำหนักบรรทุกที่ล้าสมัย ให้มีน้ำหนักที่สอดคล้องกับโลกปัจจุบัน พร้อมกันนี้ ให้มีข้อกฎหมาย เอาผิดเจ้าของรถบรรทุกด้วย ไม่ใช่มีแต่คนขับรถที่ติดคุกคนเดียว

3.แก้ปัญหาตาชั่งรถบรรทุก ไม่เปิดทำการตลอดเวลา โดยเจ้าหน้าที่จะอ้างว่าตาชั่งชำรุด หรือคอมพิวเตอร์เสีย แท้จริงก็เป็นเล่ห์เหลี่ยมเพื่อส่งตาชั่งลอย ไปดักจับรีดเงินจากรถบรรทุก

4.ต้องกำหนดวิธีการปฏิบัติงานของตำรวจทางหลวงให้รัดกุม ไม่เปิดช่องให้มีการคอรัปชั่น พร้อมปลูกฝังจริยธรรมให้ด้วย

และต้องมีมาตรการลงโทษตำรวจทางหลวงที่เด็ดขาด ถ้าสอบสวนว่ากระทำผิดจริง ต้องลงโทษสถานหนัก ปลดออก ให้ออก หรือดำเนินคดีอาญา แค่ย้ายอย่างเดียวไม่พอ