ข่าวลึกปมลับ : คอบร้าโกลด์ “เสื้อเกราะ” USA ของพรรคก้าวไกล

“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 ตอน คอบร้าโกลด์ “เสื้อเกราะ”USA ของพรรคก้าวไกล

ทั้งที่ยังอยู่ในสถานะเหมือน “ลูกผีลูกคน” สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลที่ชูธงเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แต่พรรคก้าวไกลก็กล้าที่จะเปิดหน้าเล่น ด้วยการประกาศนโยบายที่ร่างไว้เพื่อการบริหารประเทศ ให้สาธารณชนได้รับรู้ ชนิดไม่หวั่นเกรงว่า อาจจะเป็นการ “เรียกแขก” ให้รถทัวร์จากฝ่ายต่อต้านแห่กันมาลงจอดแต่อย่างใด

ซึ่งหนึ่งในร่างนโยบายที่ประกาศออกมาแบบชัดเจน ชนิดไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยให้เสียเวลา ก็คือ การระบุว่า “เป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกาและตั้งเป้าในการเพิ่มทรัพยากร สำหรับการฝึกร่วมคอบร้าโกลด์ ที่จัดขึ้นในไทย รวมไปถึงการร่วมมือในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก”(IPEF)

แน่นอนว่านี่คือการลงลึกในรายละเอียดของนโยบายชนิดที่ไม่มีรัฐบาลชุดไหนเคยกระทำมาก่อนแม้กระทั่งรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นรัฐบาลทหารที่แปลงร่างมาจากการ “รัฐประหาร” เมื่อปี 2557 ก็ไม่เคยขยายความของนโยบายด้านความมั่นคง ถึงขั้นระบุชื่อการฝึกทางการทหารเป็นการเฉพาะเจาะจงอย่างที่พรรคก้าวไกลกระทำดังที่กล่าวมาข้างต้น

สำหรับคนที่อยู่นอกกองทัพอาจไม่เคยรู้ว่า “คอบร้าโกลด์” เป็นชื่อรหัสการฝึกร่วมระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพต่างชาติ ซึ่งเริ่มต้นเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2525 ซึ่งเป็นการฝึกร่วมระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา โดยตรง

ในยุคแรกของคอบร้าโกลด์ มีเพียง “กองทัพเรือไทย” เท่านั้น ที่ทำการฝึกกับกองทัพสหรัฐฯ โดยเน้นการฝึกยกพลขึ้นบกเป็นหลัก โดยใช้พื้นที่ชายฝั่งทั้งในภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนกลางเป็นสถานที่ยกพล

ต่อมากองบัญชาการกองทัพไทย ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบของคอบร้าโกลด์ใหม่ จากเดิมที่ให้กองทัพเรือเป็นเจ้าภาพในการจัดการฝึกเฉพาะยกพลขึ้นบกกับกองทัพสหรัฐ กลายเป็นการเพิ่มขอบเขตการฝึก โดยนำกองทัพอากาศและกองทัพบก เข้าร่วมในการฝึกและขยายพื้นที่ในการฝึกไปตามจังหวัดต่างๆ พร้อมกันอาทิ พิษณุโลก สุโขทัย เป็นต้น

นอกจากนี้ยังเพิ่มจำนวนประเทศที่เข้าร่วมในการฝึกจากเดิมที่มีเฉพาะประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา เป็นการฝึกกับมิตรประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน โดยเฉพาะในปี 2563 ซึ่งเป็นการฝึกคอบร้าโกลด์ ครั้งที่ 39 ในยุครัฐบาลลุงตู่ มีการประกาศอย่างครึกโครม

ว่า ไทยและสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพร่วมกันในการจัดการฝึก โดยมี 7 ประเทศที่ตอบรับและส่งกำลังพลเข้าร่วมประกอบด้วย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สาธารณรัฐประชาชนจีน และอินเดีย
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือในการฝึกครั้งนั้นสหรัฐอเมริกาได้ส่งเครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-35 ซึ่งกองทัพอากาศไทยอยากได้มาประจำการแทน เอฟ-16 เข้าร่วมในการฝึกด้วย

อย่างไรก็ดีในความเป็นจริงแล้วประเทศไทยมิได้มีการฝึกร่วมกับสหรัฐฯ เพียงชาติเดียวเท่านั้น หากแต่กองทัพไทยมีการฝึกร่วมกับมิตรประเทศอีกมากมาย โดยเฉพาะกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มีการฝึกร่วมกับกองทัพไทยอย่างต่อเนื่อง คือ การฝึกร่วมภายใต้ชื่อรหัส Blue Strike ซึ่งเป็นการฝึกแลกเปลี่ยนระหว่างกองทัพเรือไทย กับกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน มีวงรอบการฝึกทุก 2 ปี และผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพในแต่ละครั้งการฝึก

นอกจากนี้ยังมีการฝึกร่วมระหว่างกองทัพอากาศไทย กับ กองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้รหัสการฝึก Falcon Strike เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธี และการปฏิบัติการทางอากาศผสม รวมทั้งยังมีการฝึกปฏิบัติการทางอากาศผสม อีลัง ไทยนีเซีย ระหว่างกองทัพอากาศไทยกับกองทัพอากาศอินโดนีเซีย

ยังมีการฝึกร่วมของกองทัพบกไทย กับ กองทัพบกเครือรัฐออสเตรเลีย ภายใต้รหัส Chapel Gold

แต่การที่พรรคก้าวไกล เลือกที่จะระบุการให้ความสำคัญเฉพาะเจาะจงถึง “คอบบร้าโกลด์” เพียงอย่างเดียว ถึงขนาดใช้ถ้อยคำว่า “ตั้งเป้าในการเพิ่มทรัพยากร (คอบร้า โกลด์)”แสดงให้เห็นว่า
พรรคสีส้มอาจต้องการส่งสัญญาณไปถึงใครบางคน ที่นั่งอยู่ในทำเนียบขาว ว่า พวกเขาพร้อมที่จะเดินตามก้นของลุงแซม แม่แบบประชาธิปไตยส่งออกอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ก็เป็นได้

“คอบบร้าโกลด์” จึงไม่ต่างจากเสื้อเกราะชั้นดีของพรรคก้าวไกล ที่จะช่วยป้องกันกระสุนจากเนติสงคราม ที่เหล่าอำนาจเก่า และกลุ่มอนุรักษ์นิยมเพียรพยายามจะกระทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งไม่ให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ

ซึ่งก็ดูเหมือนว่า เสื้อเกราะตัวนี้จะโชว์ศักยภาพได้ทันตาเห็น เพราะพลันที่มีความพยายามที่จะชัดขวางไม่ให้พรรคก้าวไกลเริ่มขึ้น ก็ปรากฏข่าวทูตสหรัฐฯ เดินทางเข้าพบพลอากาศเอกอลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เพื่อแจ้งว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ปัดตกการขอซื้อเครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-35 เอ
ของกองทัพอากาศไทย จำนวน 12 ลำ ชนิดไม่ไยดีกับมูลค่าโครงการ 43,000 ล้านบาท ดังที่ปรากฏเป็นข่าวครึกโครม เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

และเพื่อให้ครบเครื่องมากขึ้น นอกจากเสื้อเกราะที่พ่นตัวอักษร คือ “คอบร้า โกลด์” เท่านั้น ดูเหมือนว่า พรรคก้าวไกล ยังเพิ่ม “หมวกกันกระสุน” ด้วยการระบุถึง ความร่วมมือในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อินโด-แปซิฟิค หรือ IPEF ภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ กรุงโตเกียว โดยมี 7 ชาติ อาเซียน ร่วมกับออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ และอินเดีย ตอบรับ ยังผลให้ IPEF ที่มีสหรัฐฯ เป็นหัวเรือใหญ่ มีสมาชิกรวมกันทั้งสิ้น 13 ประเทศ

นี่คือ ความชัดเจนของพรรคสีส้ม ที่แสดงให้เห็นว่า ไม่สนใจกลุ่ม BRIC(บริกส์) ที่รัสเซียกับจีน ผนึกกำลังกันจัดตั้งขึ้นเพื่อคานอำนาจทางการค้า กับ IPEF (กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อินโด-แปซิฟิค ) แม้แต่น้อย

จากวันนี้ไปต้องจับตาดูชนิดวันต่อวันว่า ทั้งพรรคก้าวไกล และกลุ่มอนุรักษ์นิยม จะเดินหมากกันอย่างไรต่อไป เพื่อให้เป้าหมายของฝ่ายตนบรรลุผล
นั่นคือ ก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล หรือก้าวไกลถูกสกัดจนไปไม่ถึงดวงดาว แม้จะมีทั้ง “เสื้อเกราะ”และ “หมวกกันกระสุน” เมดอิน ยูเอสเอ ก็ตาม