xs
xsm
sm
md
lg

จำคุก 2 เดือน ปรับ 3,000 บาท "เพนกวิน"กับพวกเยาวชนปลดแอก จัดม็อบฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อปี 63

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ศาลสั่งจำคุก 2 เดือน ปรับ 3,000 บาท แต่รอลงอาญา "เพนกวิน"กับพวกเยาวชนปลดแอก รวม 12 คน ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จัดม็อบที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อปี 63

วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก
ศาลอ่านคำพิพากษาใน คดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง ยื่นฟ้องนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน กับพวก รวม 12 ราย กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองในนามกลุ่มเยาวชนปลดแอก จัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 18 ก.ค.2563 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยใช้หัวข้อเรื่อง “ใครไม่ทนให้ไปกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” ต่อมา พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสิบสอง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1688/2564และคดีหมายเลขดำที่ 2763/2564 คดีสองสำนวนนี้ศาลรวมการพิจารณา

จำเลยทั้งหมดให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ศาลอาญาพิจารณาแล้วเห็นว่าการที่จำเลยทั้ง 12 เข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมลงมาบนถนนราชดําเนินกลางในลักษณะเดินลงมาบนพื้นผิวจราจรเต็มพื้นที่บนถนนราชดําเนินกลางบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์และติดตั้งเวทีบนถนนราชดําเนินกลางบริเวณขอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และมีการใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยที่ 1-8 ,10,11 ได้สลับกันขึ้นพูดปราศรัยบนเวที โดยไม่ได้คํานึงว่าจะเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และกฎหมายใดๆ อันเป็นการแสดงให้ปรากฏต่อประชาชน ด้วยวาจาหนังสือ หรือวิธีการอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทํา ในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฏหมายแผ่นดิน แต่ลักษณะการกระทำยังไม่ส่อเจตนาว่าเป็นการทำถึงขนาดเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 การกระทำของจำเลยทั้ง 12 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานตั้ง วาง หรือกองวัตถุใดบนถนน อันเป็นการกีดขวางการจราจร และกีดขวางทางสาธารณะ เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 19, 57 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ปรับจำเลยทั้ง12 คนละ 1,000 บาท ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นกระทำให้เกิดการวุ่นวายในบ้านเมือง กับฐานกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน รวมจำคุกจำเลยคนละ 2 เดือน และปรับคนละ 2,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30

ทั้งนี้ให้ยกฟ้องความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดฯและฐานใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตเพราะช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อโคโรนา 19 จึงสามารถจัดกิจกรรมการชุมนุมได้เพียงแต่ข้อกำหนดฯบังคับให้ผู้จัดการชุมนุมต้องมีมาตรการป้องกันโรคเท่านั้น และการขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงเป็นหน้าที่ของผู้จัดการชุมนุมเท่านั้น พยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่า จำเลยทั้งสิบสองเป็นผู้จัดการชุมนุม จึงไม่มีความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดฯและไม่มีความผิดฐานใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

ส่วนความผิดฐานทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏชัดว่าจำเลยคนใดเป็นผู้กระแทกแผงเหล็กใส่ผู้เสียหาย จึงลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานนี้ไม่ได้ ในส่วนของจำเลยที่ 9 เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังว่าข้อความตามป้ายที่จำเลยที่ 9 ถ่ายภาพโพสต์ลงในเฟสบุ๊คยังไม่ถึงขนาดที่จะส่อเจตนาเพื่อก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร จำเลยที่ 9 จึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ

รายชื่อจำเลยทั้ง12 คน ประกอบด้วย

1.นายพริษ ชิวารักษ์หรือเพนกวิน
2.นายภาณุพงศ์ จาดนอก
3.นายอานนท์ นํภา
4.นางสาวจุฑาทิพย์ ศิริขันธ์
5.นายกรกช แสงเย็นพันธ์
6.นางสาวสุวรรณา ตาลเหล็ก
7.นายธนายุทธ ณ อยุธยา
8.นายบารมี ชัยรัตน์
9.นายทศพรหรือทศ สินสมบุญ
10.นายเดชาธร บ่ารุงเมือง
11.นายธานี สะสม
12.นางสาวเนตรนภา อ่านาจส่งเสริม
กำลังโหลดความคิดเห็น