บช.ก.เยือนเกาหลีใต้หาช่องช่วยเหลือแรงงานเถื่อน หวั่นตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ ด้านผีน้อยล่องหนไม่กล้ามาให้ข้อมูล หวั่นถูกจับส่งกลับบ้าน เผยเกาหลีสุดช้ำเผชิญปัญหาหมอนวดไทยแพร่เชื้อเอดส์ - แรงงานลักลอบค้ายาเสพติด
"ผีน้อย"คือคำเรียกขานแรงงานผิดกฎหมายที่หนีชีวิตแร้นแค้นจากบ้านเกิดเมืองนอนไปขุดทองที่ประเทศเกาหลีใต้ ด้วยค่าแรงที่สูงกว่าบ้านเราเกือบ 5 เท่า หรือตกเดือนละ 5-6 หมื่นบาท ทำให้แรงงานนับแสนชีวิตยอมกู้หนี้ยืมสินหวังไปตายเอาดาบหน้าเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
ปัญหาแรงงานผิดกฎหมายจากเมืองไทยแสนกว่าคนค่อยๆ สะสมจนกลายเป็นปัญหาหนักอกแก่ประเทศเกาหลีใต้ในขณะนี้ ทั้งการลักลอบค้าประเวณีจนแพร่เชื้อเอดส์และปัญหายาเสพติดที่แรงงานบางส่วนซุกซ่อนเข้ามาจำหน่าย
ด้วยเหตุนี้ทาง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ผบก.ปคม.) พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ ปันไชย ผกก.1 ปคม. พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.5 บก.ปคม. พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเพื่อแลกเปลี่ยนประสานความร่วมมือและสอบถามข้อมูลแรงงานไทยในประเทศเกาหลีใต้เนื่องจากมีความเป็นห่วงบ่วงใยว่าผีน้อยเหล่านี้อาจตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติได้
น.ส.อาภรณ์ อุปการรอด รอง ผู้ช่วยทูตฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า "จริงๆ แล้วอาชีพหมอนวดในประเทศเกาหลีใต้นั้น ถือเป็นอาชีพที่สงวนให้กับชาวเกาหลีที่พิการทางสายตาเท่านั้น หากคนชาติอื่นมาทำงานนี้ก็จะต้องถูกจับกุมดำเนินคดี"
มีอยู่ครั้งหนึ่งคนพิการทางสายตาชาวเกาหลีถึงกับแห่ออกมาประท้วงให้รัฐบาลกวดขันจับกุมผีน้อยชาวไทยที่มาแย่งอาชีพสงวนของชาติ จนส่งผลกระทบกับรายได้ของหมอนวดท้องถิ่นที่ลดน้อยลงเป็นอย่างมาก
เส้นทางของผีน้อยจากไทยส่วนใหญ่ปะปนมากับนักท่องเที่ยว จากนั้นก็กระโจนเข้าสู่วงจรแรงงานผิดกฎหมายทั้งงานบริการ งานในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมในกลุ่มอาชีพ 3D ได้แก่ Difficult (งานหนัก) Dirty (งานสกปรก) และ Dangerous (งานอันตราย) ที่คนเกาหลีไม่นิยมทำกัน
แต่บางส่วนก็เป็นแรงงานที่มาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่เลือกหนีออกมาเป็นผีน้อยโดยสมัครใจ ซึ่งในกลุ่มนี้ช่วงหลังๆ ได้เพิ่มสูงขึ้นจนน่าตกใจ เนื่องจากบริษัทที่รับแรงงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้นจะถูกกวดขันอย่างเข้มงวดตามกฎหมายแรงงานของที่นี่ ทั้งเรื่องวันหยุด เวลาทำโอที และหักเงินเดือนบางส่วนเป็นค่าประกันไว้ดูแลกรณีเจ็บไข้ได้ป่วยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่เมื่อออกมาเป็นผีน้อยก็ตัดเรื่องกฎทำโอทีหรือหักเงินประกันออกไป ทำให้มีรายได้มากกว่าบริษัทที่อยู่ภายใต้กฎระเบียบของรัฐ
"ค่ารักษาพยาบาลที่นี่แพงมากๆ ยิ่งมาทำงานผิดกฎหมายก็จะเข้าถึงการรักษายากมาก แรงงานไทยส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะซื้อยาในตลาดมืดมารักษากันเอง" น.ส.อาภรณ์ กล่าว
ที่ผ่านมาทางสถานทูตฯ เองมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยกลับไปรักษาที่ประเทศไทยกว่า 2,000 คน และดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน นับเป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่าแรงงานผิดกฎหมายเหล่านี้เมื่อเกิดปัญหาก็มักจะไม่ได้รับการเหลียวแลหรือเอาใจใส่เท่าที่ควร จำเป็นต้องดิ้นรนด้วยตัวเองโดยมีทางสถานทูตฯ เป็นที่พึ่งสำคัญคอยให้ความช่วยเหลือ
ด้าน นางปาลิตา ชอง เจ้าหน้าที่ตัวแทนคนไทยของศูนย์ช่วยเหลือแรงงานต่างชาติในเกาหลีใต้ซึ่งคลุกคลีกับแรงงานผิดกฎหมายชาวไทยมานานนับสิบปีเปิดเผยว่า หลังโควิด- 19 มีแรงงานไทยในเกาหลีเพิ่มขึ้นถึง 2 แสนคน ที่หลบหนีเข้ามาทำงานผิดกฎหมายเสีย 1.6 แสนคน ส่วนที่ถูกกฎหมายมีไม่กี่หมื่นคน ซึ่งเป็นตัวเลขแตกต่างกันอย่างมาก
นางปาลิตา เปิดเผยต่อว่า จากการสอบถามสาวไทยที่มาเป็นผีน้อยในร้านนวดส่วนใหญ่พบว่า สมัครใจทำงานนวดแลกค่าจ้างชั่วโมงประมาณ 500 บาท แต่ระหว่างนั้นก็ถูกนายจ้างชาวเกาหลีเกลี้ยกล่อมให้ค้าประเวณี โดยใช้รายได้นับหมื่นบาทต่อวันมาล่อตาล่อใจ ทำให้สาวไทยส่วนใหญ่เข้าสู่กระบวนการค้ากามอย่างเต็มอกเต็มใจ
"หญิงไทยบางคนมีลูกมีสามีอยู่แล้วที่เมืองไทย ช่วงแรกๆ ก็คิดจะทำงานนวดอย่างเดียว แต่ทนกลิ่นเย้ายวนของเงินสกุลวอนไม่ไหว เลยกระโจนลงในธุรกิจน้ำกามอย่างเต็มใจ เพราะรายได้แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว" นางปาลิตา กล่าว
ส่วนเรื่องที่ตำรวจ บช.ก.เป็นห่วงว่าผีน้อยจะถูกหลอกลวงบังคับให้ค้าประเวณีนั้น ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินข่าวหรือมีการร้องเรียนมาที่ศูนย์ว่าถูกนายจ้างกักขัง บังคับขู่เข็ญ หรือทุบตีให้ค้าประเวณี พวกเธอต่างหากที่เต็มใจขายนาผืนน้อยของตัวเอง เนื่องจากมองว่าคุ้มเพราะหากถูก ตม.ที่นี่จับก็ไม่ต้องติดคุก แค่ถูกปรับประมาณ 8 แสนบาท และถูกขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามเข้าเกาหลีแค่นั้น
นอกจากนี้ทราบว่าปัญหาที่พบบ่อยคือถูกนายหน้าคนไทยกับนายจ้างชาวเกาหลีร่วมมือกันหลอกทำงานโดยไม่ได้รับค่าแรง โดยเขาจะโพสต์ประกาศรับสมัครคนงาน แต่พอทำงานใกล้ครบเดือน นายจ้างก็จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจับกุมทันที
นางปาลิตา ยังฝากเตือนหญิงไทยที่จะมาค้าประเวณีว่า "อยากบอกหญิงไทยที่จะมาขุดทองที่เกาหลีใต้ ว่า ชีวิตของผีน้อยที่นี่ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด หมอนวดแฝงค้าประเวณีหลายคนต้องยอมทนรับแขกวันละ 20-30 คนต่อวัน หลายคนป่วยจากการใช้ร่างกายอย่างหนัก ก็เอาเงินที่หาได้มารักษาตัวเอง ส่วนตัวมองว่ามันไม่คุ้มกัน ความเป็นอยู่ก็ลำบากต้องหลบๆ ซ่อนๆ ถูกดูถูกเหยียดหยาม และปัญหาที่หนักสุดในตอนนี้คือ หมอนวดไทยมาแพร่เชื้อเอดส์จนเป็นปัญหาใหญ่ของที่นี่แล้วในตอนนี้"
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวว่า ที่ต้องเดินทางมาประสานงานกับเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้และทางการไทยที่นั่นเพื่อต้องการทราบว่าปัญหาปัจจุบันของผีน้อยคืออะไร ที่ตำรวจไทยกังวลหลักๆ คือปัญหาแรงงานไทยที่ไปทำงานโดยผิดกฎหมาย และปัญหาการค้ามนุษย์ข้ามชาติ ซึ่งทั้งสองปัญหานี้มีความทับซ้อนกันอยู่พอสมควรและเป็นปัญหาที่ตำรวจสอบสวนกลางให้ความสำคัญมาโดยตลอด ทางเราเป็นห่วงเรื่องของความปลอดภัยเกรงว่าจะถูกบังคับ ถูกหลอกลวง หรือถูกทรมานหรือไม่? ซึ่งจะได้หาทางช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาได้ทันท่วงที อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่พบว่ามีปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า จริงๆ แล้ว เกาหลีใต้ต้องการแรงงานไทยจำนวนมาก แต่หลายคนไม่ยอมมาแบบถูกกฎหมาย ทำให้มีความเสี่ยง ถ้าเจอนายจ้างดีก็ดีไป แต่ถ้าเจอนายจ้างไม่ดี ก็จะถูกเขาเอาเปรียบ ถูกกดขี่ข่มเหง หลอกลวง ทำงานจนหนักเกินกำลัง สภาพความเป็นอยู่ไม่ดี หรือแม้แต่การถูกบังคับให้ใช้แรงงานทาส หรือเข้าไปพัวพันกับการค้าประเวณี ก็ไม่กล้าไปโวยวายที่ไหน เพราะเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมาย
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า จากการพูดคุยกับตำรวจและอัยการของที่นี่ทราบว่า ปัญหาที่หนักสุดของแรงงานไทยในตอนนี้เป็นเรื่องยาเสพติด โดยแรงงานมักซุกซ่อนยาเสพติดจากเมืองไทยมาจำหน่ายให้แรงงานด้วยกันในเกาหลีใต้ ที่ผ่านมาได้ถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้วหลายราย ติดคุกอยู่ที่เกาหลีเยอะมาก ซึ่งตอนนี้ก็ร่วมมือกันอยู่ ทั้งตรวจสอบที่ประเทศไทย หรือตอนเข้าประเทศเขา
ส่วนด้านการป้องกันปราบปรามนั้น พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า จากนี้ไปจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางการเกาหลีใต้มากยิ่งขึ้น เช่น เมื่อทางการเกาหลีใต้จับกุมแรงงานผิดกฎหมายได้ก็จะส่งข้อมูลมาให้ตำรวจสอบสวนกลางในการขยายผลไปถึงเอเย่นต์หรือนายหน้าที่ส่งคนไทยไปทำงานในเกาหลีใต้แบบผิดกฎหมาย หรือหากมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับขบวนการเหล่านี้ก็จะส่งไปยังทางการเกาหลีใต้เพื่อเฝ้าระวังหรือดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นการยกระดับการทำงานของทั้งสองประเทศในการจัดการกับปัญหาแรงงานผิดกฎหมายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
"อยากฝากประชาสัมพันธ์ให้แรงงานไทยทุกคนทราบว่าการมาทำงานที่เกาหลีใต้นั้น ถึงแม้จะมีรายได้มากกว่าที่ประเทศไทย แต่แท้จริงแล้วก็มีปัญหาอีกเป็นมากมายที่อาจต้องเผชิญ มันไม่ได้สวยหรูเหมือนที่คิดเอาไว้"
"ขอเตือนคนไทยที่จะมาทำงานที่เกาหลีใต้ให้ศึกษาข้อมูลต่างๆ อย่างละเอียดรอบด้าน อย่าไปหลงเชื่อข่าวสารหรือสื่อสังคมออนไลน์โดยปราศจากการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และอย่าคิดแต่เพียงว่าจะไปแสวงหารายได้ที่สูงกว่าในประเทศไทย มิเช่นนั้นอาจต้องเจอสภาพปัญหาตามที่ได้ยกตัวอย่างเอาไว้ข้างต้น ทั้งนี้ขอให้แรงงานไทยมาให้ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วก็จะถูกคุ้มครองด้วยกฎหมาย ด้วยกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการมาทำงานที่นี่" ผบช.ก.กล่าว
ส่วน พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล รอง ผบก.ปคม. กล่าวว่า เรามาในครั้งนี้จริงๆ อยากไปพูดคุยสอบถามข้อมูลปัญหากับสาวไทยที่มาค้าประเวณีที่นี่ว่า จะให้เราช่วยอะไรบ้าง แต่เขาไม่อยากมาพบตำรวจไทย เขาแจ้งกับผู้ประสานมาว่า เต็มใจมาทำงานเพราะรายได้ดี สามารถหาเงินได้มากมายส่งกลับไปเลี้ยงดูครอบครัวที่เมืองไทยให้อยู่สุขสบาย อย่างไรก็ตามทางตำรวจ ก็เป็นห่วงเรื่องที่อาจมีบางคนถูกบังคับขู่เข็ญให้ค้าประเวณีหรือถูกหลอกลวงเอาทรัพย์สินเงินทอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ได้ให้ช่องทางการติดต่อเพื่อจะได้ประสานทางการเกาหลีใต้เข้าช่วยเหลือทันท่วงทีหากตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์
"ความจริงเราอยากเจอเขามาก อยากถามเขาว่ามีอะไรให้ตำรวจสอบสวนกลาง โดยเฉพาะตำรวจ ปคม.ช่วยเหลือบ้างในฐานะคนไทยด้วยกัน แต่เขาปฏิเสธที่จะมาพบเจอ บางทีเขาอาจกลัวว่าจะถูกจับส่งกลับประเทศไทยก็เป็นได้" รอง ผบก.ปคม.กล่าวทิ้งท้าย
การเยือนประเทศเกาหลีใต้ของตำรวจสอบสวนกลางในครั้งนี้ คือตั้งใจมารับทราบปัญหาของแรงงานผิดกฎหมายที่นี่ เนื่องจากเป็นห่วงว่าจะตกเป็นเหยื่อของแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติหลอกมาบังคับค้าประเวณีหรือกลายเป็นแรงงานทาส แต่ตอนนี้ตำรวจ บช.ก.รู้แล้วว่า เพราะเหตุใด? เหล่าผีน้อยจึงไม่อยากกลับบ้าน..!!!