สภาองค์กรผู้บริโภคพานักธุรกิจเมืองผู้ดี แจ้งจับบริษัทอสังหาฯ ชื่อดัง หลอกขายคอนโดฯ หรูบนเกาะสมุย ผ่านมานานเกือบ 7 ปียังไม่โอนกรรมสิทธิ์ให้ พบฝรั่งถูกหลอกหลายราย เสียหายรวมกว่า 100 ล้านบาท
วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 11.00 น. นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ ตัวแทนสภาองค์กรผู้บริโภค พานายเดวิด เอ็ดเวิร์ด แชพเพิล อายุ 70 ปี นักธุรกิจสัญชาติอังกฤษ ผู้เสียหาย เข้าพบ พ.ต.ท.สุชาติ อิ่มสวัสดิ์ รอง ผกก.5 บก.ป.เพื่อขอให้ดำนินคดีกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่งบนเกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี หลังจากตกลงซื้อห้องพักในคอนโดมีเนียมแล้วโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้
นายภัทรกร กล่าวว่า นายเดวิด ผู้เสียหายได้มาร้องเรียนสภาองค์กรผู้บริโภค ว่า ตั้งแต่ปี 59 ได้ตกลงซื้อคอนโดฯ หรูแห่งหนึ่งบนเกาะสมุย จากบริษัทดังกล่าว ราคากว่า 15 ล้านบาท โดยแต่ละปีผู้เสียหายจะบินกลับมาพักผ่อนแค่ 3 ครั้ง ระหว่างนี้ก็พยายามจะขอเอกสารสิทธิ์เพื่อโอนชื่อผู้ครอบครองให้เรียบร้อย แต่ก็ทำไม่ได้เสียที จนมาเมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา จึงทราบว่า ทางโครงการนั้นไม่ได้ยื่นขออนุญาตแต่อย่างใด รวมทั้งยังพบข้อพิรุธหลายอย่าง เช่น แจ้งข้อความเท็จ ,หลอกลวงลูกค้าไม่จดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ ,ไม่ส่งมอบเอกสารสิทธิสำนักงานที่ดินแก่ลูกค้า รวมทั้งยังนำที่ดินภายในโครงการไปขายหรือจำนองโดยที่ลูกค้าไม่ได้รู้เห็น หรือยินยอมอีกด้วย นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบอีกว่ามีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อถูกบริษัทดังกล่าวหลอกลวง
ในลักษณะดังกล่าวอีกหลายรายรวมมูลค่าความเสียหาย ประมาณกว่า 100 ล้านบาท นายเดวิดจึงเข้ามาร้องเรียนผ่านสภาองค์กรผู้บริโภค เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือพาเข้ามาแจ้งความดังกล่าว
เบื้องต้น พนักงานสอบสวน ได้รับเรื่องพร้อมสอบปากคำผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า บริษัทแห่งนี้มักหลอกลวงเฉพาะลูกค้าชาวต่างชาติที่ไม่รู้กฎหมายไทย และระเบียบราชการของไทย เช่นเวลาลูกค้ามาแวะเยี่ยมชมโครงการ ก็จะอ้างว่า หากตกลงซื้อกับโครงการก็จะมีข้อดี คือไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม หรือภาษีที่ดิน เหมือนกับโครงการอื่นๆ โดยมีการนำโฉนดห้องชุด หรือโฉนดที่ดินซึ่งทำปลอมขึ้นมาเอง มาแสดงให้ลูกค้าต่างชาติหลงเชื่อ กระทั่งยินยอมโอนเงินมาเพื่อซื้อห้องพัก หลังจากนั้นก็ไม่ยอมโอนสิทธิ์การครองครองให้ลูกค้าดังกล่าว
ด้าน ทนายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความของเจ้าของโครงการที่มีปัญาหาที่เกาะสมุย กล่าวโต้ว่า เรื่องดังกล่าวนั้นมีการดำเนินการในชั้นศาลไปแล้วส่วนหนึ่ง ตามที่มีการกล่าวหาว่าเจ้าของโครงการไปปลอมเอกสารหรือไปฉ้อโกงนั้นไม่ใช่ความจริง ตัวผู้เสียหายชาวต่างชาติเขารู้เงื่อนไข สิทธิ์ในการอยู่อาศัยในโครงการมีการทำสัญญากันไว้ด้วยกัน 3 ฉบับ เพราะชาวต่างชาติที่มาซื้อโครงการเขารู้ดีของสิทธิ์ในการอยู่อาศัยในฐานะอะไร ส่วนข่าวที่ออกไปเมื่อเช้าไม่เป็นความจริง ซึ่งตอนนี้ขอตรวจสอบในรายละเอียดก่อนที่จะดำเนินคดีฟ้องแจ้งความเท็จ ซึ่งถ้าหากทางพนักงานสอบสวนกองปราบมีหนังสือมาถึงทางเราก็จะทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ได้ทั้งหมด